คืนนี้ดูถ่ายทอดสดดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี สามารถมองเห็นได้ทั้งคืน โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) จัดกล้องดูดาวให้รับชม 5 จุดทั่วไทย พร้อมด้วย 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดาวเสาร์ที่ไม่ควรพลาด
คืนวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568 เตรียมพบกับปรากฏการณ์ดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี ซึ่งจะปรากฏสว่างให้เราชมความสวยงามของดาวเสาร์ได้ทั้งคืน ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงเช้าวันถัดไป
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) จัดเตรียมกล้องดูดาวให้แก่ผู้ที่สนใจอยากชมดาวเสาร์ผ่านกล้องที่หอดูดาวของ NARIT ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ โคราช ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา และสงขลา ตั้งแต่เวลา 18:00 - 22:00 น. พร้อมถ่ายทอดสดดาวเสาร์ทางเพจ Facebook เวลาประมาณ 19:00 น. เป็นต้นไป
นอกจากความสวยงามของดาวเสาร์แล้ว เรามาทำความรู้จักดาวดวงนี้ให้มากขึ้นผ่าน 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ดาวเสาร์" ดังต่อไปนี้
1. ราชาวงแหวนแห่งระบบสุริยะ
แม้ดาวเคราะห์หลายดวงจะมีวงแหวน แต่ของดาวเสาร์โดดเด่นที่สุด เพราะประกอบด้วยน้ำแข็ง️เป็นส่วนใหญ่ ทำให้สะท้อนแสงได้ดีกว่าและสว่างกว่าวงแหวนของดาวเคราะห์อื่นที่มักเป็นฝุ่นและหิน แถมวงแหวนยังมีมวลมหาศาลกว่า 30 ล้านล้านตันเลยทีเดียว
2. ราชาแห่งดวงจันทร์บริวาร
ดาวเสาร์มีดวงจันทร์บริวารจำนวนมหาศาล โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- ดวงจันทร์ปกติ โคจรไปในทิศทางเดียวกับการหมุนของดาวเสาร์ เช่น ไททัน ซึ่งเป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุด
- ดวงจันทร์ผิดปกติ มีวงโคจรที่เอียงและรูปร่างไม่สมมาตร คล้ายมันฝรั่ง
...
3. โครงสร้างภายในที่ซับซ้อน
ดาวเสาร์ประกอบด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นหลัก ภายในมีชั้นต่าง ๆ ได้แก่ แก่น (Core) ที่ประกอบด้วย เหล็ก นิกเกิล และหิน ความหนาแน่นสูงกว่าของโลก, ชั้นไฮโดรเจนโลหะเหลว (Liquid Metallic Hydrogen Layer) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดสนามแม่เหล็ก และชั้นไฮโดรเจนและฮีเลียมที่อยู่ในสถานะของเหลว ยิ่งห่างจากแก่นยิ่งมีองค์ประกอบของแก๊สมากขึ้น
4. ที่มาของชื่อที่เต็มไปด้วยตำนาน
ชื่อ "Saturn" มาจากตำนานโรมัน หมายถึง เทพแซทเทิร์น เทพแห่งการเกษตรและกาลเวลา เพราะเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรช้าที่สุด จึงเชื่อมโยงกับเวลา ส่วนในตำนานกรีก ดาวเสาร์ตรงกับ “เทพโครนอส” (Cronos) โดยชื่อยังสัมพันธ์กับคำว่า Chronology ที่หมายถึงลำดับเวลา และชื่อ “ดาวเสาร์” ในภาษาไทยมาจากคติโหราศาสตร์อินเดีย โดย “เสาร์” มาจากภาษาสันสกฤต Śani (ศนิ) หมายถึง เทพเจ้าแห่งดาวเสาร์ หนึ่งในดาวนพเคราะห์ที่เชื่อว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์
5. ประวัติศาสตร์การค้นพบที่น่าทึ่ง
ปี ค.ศ.1610 กาลิเลโอ เป็นคนแรกที่เห็นวงแหวนของดาวเสาร์แต่เข้าใจผิดว่าเป็น "หู" ต่อมา คริสเตียน ฮอยเกนส์ ใช้กล้องที่พัฒนาขึ้นและยืนยันว่าดาวเสาร์ถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนแบน และในปี ค.ศ.1675 โจวันนี โดเมนิโก แคสสินี ได้ค้นพบและตั้งชื่อ "ช่องแคบแคสสินี" ระหว่างวงแหวนหลัก A และ B
6. ยานสำรวจคู่หู-คู่แค้น
มีเพียง 4 ยานอวกาศที่เคยไปสำรวจดาวเสาร์ ได้แก่ Pioneer 11, Voyager 1, Voyager 2 และยานสุดท้ายอย่าง Cassini-Huygens ซึ่งทำภารกิจอย่างละเอียดก่อนจะจบชีวิตลงในปี 2017 โดยการพุ่งเข้าสู่บรรยากาศของดาวเสาร์เพื่อทำลายตัวเอง
7. พายุหกเหลี่ยมปริศนา
ที่ขั้วเหนือของดาวเสาร์มีปรากฏการณ์ประหลาดคือ พายุหกเหลี่ยมขนาดมหึมา แต่ละด้านยาวกว่า 13,800 กิโลเมตร ภายในมีพายุความเร็วสูงถึง 530 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเกิดจากแรงเฉือนของกระแสลมรอบขั้วดาวเสาร์นั่นเอง
8. แสงเหนือแห่งดาวเสาร์
ดาวเสาร์ก็มีแสงออโรราเช่นเดียวกับโลกของเรา โดยเกิดจากอนุภาคจากลมสุริยะพุ่งเข้าปะทะกับสนามแม่เหล็กของดาวเสาร์ และเคลื่อนที่เข้าสู่ขั้วของดาว ทำให้แก๊สในบรรยากาศเกิดการเรืองแสงออกมาเป็นออโรรา
9. ดาวเสาร์เสมือนไร้วงแหวน
เนื่องจากวงแหวนของดาวเสาร์มีความเอียงที่เปลี่ยนแปลงไปตามการโคจร ทำให้ทุก ๆ 15 ปี เราจะมองเห็นดาวเสาร์จากโลกเหมือน "ไร้วงแหวน" เพราะเรามองเห็นวงแหวนจากด้านข้างพอดี ครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2025 และครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในปี 2040
10. ใกล้โลกที่สุดในรอบปี
ปรากฏการณ์ Saturn Opposition คือช่วงที่โลกโคจรมาอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และดาวเสาร์ ทำให้ดาวเสาร์มีระยะใกล้โลกที่สุดในรอบปี และมองเห็นได้สว่างที่สุดตลอดคืน โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2568 ️และอยู่ห่างจากโลกประมาณ 1,279 ล้านกิโลเมตร
สำหรับใครที่อยากชมดาวเสาร์ผ่านกล้องดูดาวด้วยตาตนเอง สามารถเข้าชมได้ฟรีที่หอดูดาวของ NARIT ใน 5 จังหวัด หรือชมผ่านช่องทางออนไลน์ที่ระบุไว้ตอนต้นก็ได้
...
ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT)