เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “ความงาม” จินตนาการของเราอาจล่องลอยไปถึงความสมบูรณ์แบบของเรือนหน้า ผิวกาย และรูปโฉม ภาพจำเหล่านั้นได้หล่อหลอมนิยามของความงามให้กลายเป็นดัชนีชี้วัดความเลอค่าและน่าจดจำ และเป็นปลายทางที่ใครหลายคนเฝ้ามองหา

แต่ทว่า ในโมงยามที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอันซับซ้อน ตั้งแต่เรื่องสิ่งแวดล้อมไปจนถึงความเท่าเทียมทางสังคม “นิยามของความงาม” กำลังถูกตั้งคำถามใหม่อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ความงามที่โลกกำลังมองหาในวันนี้เป็นเพียงภาพลักษณ์ที่งดงามบนเรือนร่างของมนุษย์เท่านั้นหรือ? หรือแท้จริงแล้วความงามสามารถเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เช่น การเป็นพลังที่สามารถขับเคลื่อนโลกได้

ท่ามกลางบทสนทนาที่สำคัญยิ่งนี้ มีองค์กรหนึ่งที่ไม่ได้เพียงเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง แต่ได้เลือกที่จะเป็นผู้ริเริ่มและนำทางการเดินทางครั้งใหม่นี้มาอย่างยาวนาน องค์กรนั้นคือ ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal Groupe) ผู้อุทิศตนเพื่อค้นหาคำตอบว่าความงามที่โลกกำลังต้องการอย่างแท้จริงนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร

ความงามที่เคารพต่อขีดจำกัดของโลก และโอบรับทุกเฉดสีของมนุษย์

ก่อนจะสร้างความงามเพื่อผู้คน ลอรีอัลเริ่มต้นจากการเคารพ "บ้าน" ที่เราทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกัน บริษัทกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมโดยอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets) เพื่อให้แน่ใจว่าทุกการดำเนินงานจะอยู่ภายใต้กรอบของ "ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก” (Planetary Boundaries) จนกลายเป็นกรอบในการดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมหลักของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน, การลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ในบรรจุภัณฑ์, การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไปจนถึงการคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูกไปจนถึงการผลิต รวมถึงคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ที่ลดปริมาณน้ำจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค เป็นต้น

เมื่อให้ความเคารพกับบ้านของเราแล้ว เป้าหมายลำดับถัดไปของลอรีอัลคือการให้ความสำคัญกับ “ผู้คน” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของสมการแห่งความงามที่แท้จริงซึ่งเป็นไปตามความมุ่งหมาย หรือ “Sense of Purpose” ขององค์กรนั่นคือการ “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก” (CREATE THE BEAUTY THAT MOVES THE WORLD)

ลอรีอัลตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า "เราพยายามเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายมากเท่าผู้บริโภคของเรา" ซึ่งสะท้อนความเชื่อที่ว่านวัตกรรมและความสำเร็จที่แท้จริงเกิดจากการโอบรับทุกความแตกต่าง กลยุทธ์ด้านความหลากหลาย, ความเท่าเทียม และความไม่แบ่งแยก (Diversity, Equity & Inclusion) จึงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง แต่ถูกนำไปปรับใช้ในทุกประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจ โดยมีกรอบการทำงานที่ชัดเจนผ่าน 4 เสาหลัก (The Four Pillars) ได้แก่

1. เพศสภาพ และ LGBTQIA+: มุ่งสร้างความเท่าเทียมทางเพศในทุกระดับ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและครอบคลุมสำหรับกลุ่ม LGBTQIA+ ทั่วโลก

2. ภาวะทุพพลภาพ: ส่งเสริมการจ้างงานและปรับแนวทางปฏิบัติทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกผู้พิการ ทั้งในหมู่พนักงาน ผู้บริโภค และคู่ค้า

3. ช่วงอายุและช่วงวัย: ส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือระหว่างพนักงานต่างวัย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน

4. สถานะทางเศรษฐกิจสังคมและชาติพันธุ์: เพิ่มความหลากหลายทางวัฒนธรรมและพื้นเพทางสังคมในทุกทีมงาน เพื่อให้เกิดมุมมองที่รอบด้าน

ในประเทศไทย เสาหลักเหล่านี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นการกระทำที่จับต้องได้ ตั้งแต่การเปิดให้ผู้สมัครงานเลือก "ไม่ระบุเพศสภาพ" บนใบสมัคร ไปจนถึงการขยายสวัสดิการให้ครอบคลุมคู่รักเพศเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การปรับสิทธิ "Paternity Leave" จำนวน 42 วัน ให้เป็น “Secondary Parental Leave” และให้สิทธิ “Maternity Leave” ครอบคลุมถึงการอุปการะบุตรของคู่รักเพศเดียวกันด้วยเช่นกัน

จิตวิญญาณนี้ยังถูกส่งต่อไปยังระดับแบรนด์ ดังเช่นโครงการ "Open Doors" ของ Kiehl’s ที่สานต่อปณิธานของแบรนด์ในการสนับสนุนเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ด้วยการมอบโอกาสในการพัฒนาทักษะและสร้างแรงบันดาลใจ

ความงามที่ส่งต่อพลังสู่คนรุ่นใหม่

ลอรีอัลตระหนักดีว่าคนรุ่นใหม่คืออนาคต แต่พวกเขากำลังเผชิญกับโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โครงการระดับโลกอย่าง "L'Oréal For Youth (L4Y)" จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างห้องเรียนกับโลกการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การมอบตำแหน่งงาน แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนให้คนรุ่นใหม่ได้เติบโต

ในแต่ละปี L4Y มุ่งมั่นสร้างโอกาสในการทำงานกว่า 25,000 งาน ให้กับคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปีทั่วโลก โอกาสเหล่านี้ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ โครงการฝึกงาน (Internships), โครงการผู้ฝึกงานด้านการบริหารอย่าง ลอรีอัล SeedZ (Management Trainee), งานภายใต้โปรแกรม V.I.E. ของสถานทูตฝรั่งเศส ไปจนถึง โอกาสเรียนรู้จากการทำงานในรูปแบบอื่นๆ ขณะเดียวกัน ยังมีผู้คนอีกนับแสนที่ได้รับประโยชน์จากกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วม มาสเตอร์คลาส, การรับคำปรึกษาจากผู้บริหาร, การเข้าร่วมแข่งขันระดมไอเดียแก้โจทย์ธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขามีความพร้อมและมั่นใจในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพ นอกจากนี้ ลอรีอัลยังได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง "GLOBAL ALLIANCE FOR YOUTH" ซึ่งเป็นการผนึกกำลังครั้งใหญ่กับภาคส่วนต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของเยาวชนในระดับโลก

ความงามที่เห็นคุณค่าในทุกช่วงวัยของชีวิต

ในขณะที่โลกกำลังส่งพลังให้คนรุ่นใหม่ ลอรีอัลก็ไม่ได้ละเลยคุณค่าของผู้คนในทุกช่วงวัย ตรงกันข้าม กลับเลือกที่จะทลายมายาคติของสังคมที่เชื่อว่าอายุคืออุปสรรคของการทำงาน ด้วยการตั้งเป้าเป็นบริษัทสำหรับผู้คนทุกวัย ปัจจุบันพนักงานกว่า 13,000 คน ทั่วโลกมีอายุมากกว่า 50 ปี และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่องค์กรมีคนถึง 4 รุ่นทำงานร่วมกัน

ความหลากหลายอย่างน่าสนใจนี้เป็นผลมาจากโครงการ "L'Oréal for All Generations" ที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่คนทุกวัยสามารถเติบโตและส่งต่อคุณค่าให้กันและกันได้ ผ่านการปฏิบัติงาน อาทิ แคมเปญส่งเสริมความหลากหลายระหว่างวัย กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเฉพาะกลุ่ม โครงการพัฒนาทักษะให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โครงการเตรียมตัวเกษียณ และโครงการดูแลสุขภาพจิต รวมถึงสร้างเครือข่ายอดีตพนักงาน

สู่อนาคตที่ความงามคือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

จากเรื่องราวทั้งหมดของลอรีอัล กรุ๊ป อาจกล่าวได้ว่านี่มิใช่เพียงแค่โครงการที่ถูกรังสรรค์ขึ้น แต่คือสายใยที่ถูกถักทอภายใต้เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการ “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก”

“การโอบรับความหลากหลายในทุกมิติ” คือการยืนยันว่าความงามที่ลอรีอัลสร้างสรรค์นั้น เป็นความงามสำหรับทุกคนอย่างแท้จริงโดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง “การมอบโอกาสให้คนรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับการให้เกียรติผู้คนทุกช่วงวัย” คือการรับประกันว่าภารกิจนี้จะมีทั้งพลังแห่งอนาคตที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า และปัญญาจากอดีตคอยชี้ทาง และ “การยึดมั่นในความยั่งยืนต่อโลก” ก็คือคำมั่นสัญญาที่ทำให้มั่นใจได้ว่าโลกที่เรามุ่งมั่นจะขับเคลื่อนนั้น จะยังคงเป็นโลกที่งดงามและยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

ทั้งหมดนี้คือการรวมพลังที่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อตอบคำถามที่ยิ่งใหญ่ว่า "ความงามที่ขับเคลื่อนโลก" นั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร และทุกสิ่งที่ลอรีอัลดำเนินการล้วนเป็นบทพิสูจน์ว่าความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืนที่สุด คือความสำเร็จที่สร้างขึ้นบนรากฐานของการเคารพโลกและโอบรับ "ผู้คน" ในทุกมิติ

อนาคตที่ลอรีอัล กรุ๊ป กำลังมุ่งหน้าไป ไม่ใช่เพียงการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความงาม แต่คือการเป็นผู้ร่วมสร้างสังคมที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัย ได้รับการยอมรับ และมีพลังที่จะเปล่งประกายในแบบของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความงามที่ทรงพลังที่สุด คือความงามที่สามารถทำให้โลกทั้งใบงดงามได้ยิ่งกว่าเคย