น้องหมา เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่มาแรงไม่ต่างจากน้องแมว ด้วยอุปนิสัยขี้เล่น ขี้อ้อน ฉลาด แสนรู้ ซื่อสัตย์ จึงทำให้น้องหมาเป็นที่รักของใครหลายคน หากคิดจะเลี้ยงน้องหมาสักตัว ควรมีวิธีเลือกอย่างไรให้ตรงกับนิสัยของผู้เลี้ยงมากที่สุด
หลายคนมักมีคำถามว่า คนที่มีบุคลิก Introvert จะสามารถเลี้ยงสุนัขได้ไหม หรือสุนัขเหมาะกับคนที่เป็น Extrovert มากกว่า คุณบุ๊ค-วฤทธิ ต่อเทียนชัย เจ้าของเพจ Book bok Tor : บุ๊ค บอก ต่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกสุนัข ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.3 แสนคน ได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจไว้ดังนี้
“ผมไม่อยากให้มองว่าเราเป็นคน Introvert หรือ Extrovert แต่อยากให้มองว่าเราเป็นคนมีพลังงานแบบไหน แบบผมเป็นคนแอคทีฟมาก ผมชอบไปวิ่ง ผมชอบไปเดินป่า ผมก็จะเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์ที่พลังงานเยอะได้ เช่น German Shepherd, Doberman, Belgian Malinois แต่ถ้าเราเป็นคนที่ใช้ชีวิตไม่ค่อยแอคทีฟ ตอนเช้าเราตื่นมาไปทำงานออฟฟิศ กลับมาตอนเย็น เราก็เหนื่อยอยากนั่งดูทีวีแล้ว เราก็จะต้องเลี้ยงหมาพันธุ์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์เราหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่พลังงานน้อยเลี้ยงหมาพลังงานเยอะไม่ได้ แต่ว่าถ้าเราไม่อยากปรับตัวเยอะ เราเลือกหมาที่เหมาะกับชีวิตเรา มันจะง่ายกว่า”
...
โดยเขาแนะนำว่าสุนัขที่เหมาะกับคนที่มีพลังงานน้อยหรือไม่ค่อยใช้ชีวิตแอคทีฟมากนัก จะเหมาะกับสายพันธุ์ที่ไม่ติดเจ้าของมากนัก เช่น ชิบะอินุ ชิสุ ปักกิ่ง เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ใช้พลังงานน้อย จึงเลี้ยงง่าย แต่ข้อเสียคือไม่มีความกระตือรือร้นในการฝึกเท่าสายพันธุ์อื่นๆ จึงทำให้ไม่ต้องการความสนใจเยอะมากนัก
การเลือกเลี้ยงสุนัขนอกจากดูสายพันธุ์ที่ชอบและเหมาะกับเราแล้ว ยังควรดู “พลังงาน” ของสุนัขที่ตัดสินใจเลี้ยงด้วย โดยเขาแนะนำวิธีการเลือกสุนัขจากพลังงานไว้ว่า
“สมมุติว่าในคอกหนึ่งมี 8 ตัว ใช่ไหมครับ มันจะมีตัวที่พลังงานเยอะที่สุด แล้วก็ตัวที่พลังงานน้อยที่สุด ลองดูเวลาเขากินข้าว ตัวไหนพยายามดันตัวอื่นออกไป อยากจะกินมากๆ ดูตะกละมากๆ หรือว่าเวลาเล่น ตัวไหนที่วิ่งแล้ววิ่งอีก วิ่งวนไปวนมา ไม่เหนื่อยสักที ตัวนั้นพลังงานเยอะ แต่จะมีบางตัวที่เล่นแบบ 5 นาทีแล้วก็เหนื่อยไปนอน ตัวนั้นก็จะเป็นพลังงานน้อย เราก็เลือกไปว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน อยากใช้ชีวิตแอคทีฟ เราก็เลือกพลังงานเยอะ อยากใช้ชีวิตไม่แอคทีฟ เราก็เลือกตัวพลังงานน้อย”
คุณบุ๊คได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่คิดจะเริ่มต้นเลี้ยงสุนัขว่าต้องมี 3 แนวคิดหลักคือ
1. ต้องพาสุนัขไปออกกำลังกาย เช่น พาไปว่ายน้ำ ไปเดินเล่น
2. สร้างกฎเกณฑ์ คือการฝึกระเบียบวินัย เช่น การรออาหาร การไม่กระโดดขึ้นบนโต๊ะ ไม่กระโดดใส่ผู้สูงอายุ เป็นต้น
3. ให้ความรัก
ซึ่งเขามองว่า 2 ข้อแรกเป็นเรื่องจำเป็นมากกว่าข้อ 3 ที่แม้ว่าปัจจุบันเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เหมือนลูกจะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราข้าม 2 ข้อแรกไป แล้วให้ความรักอย่างเดียว จะทำให้กลายเป็นหมาที่เอาแต่ใจ ไม่รู้กฎเกณฑ์ในบ้าน และไม่ได้รับการปลดปล่อยพลังงานที่ถูกต้อง
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกสุนัข เขาให้เหตุผลว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่ต้องการการออกกำลังกาย ดังนั้นการที่เราพาน้องหมาไปเที่ยว ไปผจญภัย ไปพบเจอสิ่งใหม่ๆ เป็นการทำให้น้องหมาได้ใช้พลังงานสมอง เพราะได้พบเจอผู้คนอื่นๆ ได้เจอกลิ่นใหม่ๆ ก็ช่วยให้ได้ใช้สมองมากขึ้น
“สิ่งที่ผมแนะนำให้คนทำคือการพาน้องหมาไปเจอโลกกว้างบ้าง น้องหมาก็เหมือนคน ถ้าเราเลี้ยงอยู่ในห้องแคบๆ หรือว่าอยู่ในบ้านอย่างเดียว แต่ว่าน้องหมาต้องการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมบ้าง ต้องการเจอสังคมข้างนอกบ้าง มันก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้พาน้องหมาไปเที่ยวบ้างครับ”