ดุสิตธานี เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่บุกเบิกอุตสาหกรรมโรงแรมไทยมาหลายทศวรรษ ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่การขยายสาขาไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วไทย รวมถึงสาขาต่างประเทศอีกหลายแห่ง

นอกจากนี้ยังเปิดโรงเรียนสอนการโรงแรมเพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวของไทย รวมถึงโรงเรียนสอนทำอาหาร พร้อมทั้งต่อยอดธุรกิจที่น่าสนใจอีกมากมาย

ล่าสุดเครือดุสิตธานีได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงผู้บริหารจนเป็นที่สนใจในขณะนี้ เพราะหลายคนคุ้นเคยกับชื่อดุสิตธานีมายาวนานหลายสิบปี

ประวัติเครือดุสิตธานี

จุดเริ่มต้นของเครือดุสิตธานี ก่อตั้งโดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ได้เปิดโรงแรมปริ๊นเซส บนถนนเจริญกรุง ในปี พ.ศ. 2492 เป็นโรงแรมแรกๆ ในกรุงเทพฯ ที่มีสระว่ายน้ำ เครื่องปรับอากาศ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของท่าน ที่ต้องการนำเอามาตรฐานการบริการแบบสากลมาให้บริการอย่างกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมแบบไทยๆ

ท่านผู้หญิงชนัตถ์ มีความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว และมั่นใจว่า วิธีการที่จะผลักดันให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในเวทีโลกคือการสร้างโรงแรมที่มีความโดดเด่น และดีที่สุด ตามมาตรฐานสากลที่กลมกลืนไปกับรายละเอียดของการตกแต่งและการให้บริการที่ยึดขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยที่มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นหลัก

ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง เครือดุสิตธานี
ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง เครือดุสิตธานี

...


จากความเชื่อส่วนตัวดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นความเชื่อของชาวดุสิต 4 ประการ ได้แก่ 

  • มีความกล้าที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ 
  • การสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน 
  • การทำให้ดีที่สุด 
  • การทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ได้เปิดตัวโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานการโรงแรมของไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศ และเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามีระดับ สำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กลายเป็นต้นแบบของโรงแรมหรูระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ ให้กับโรงแรมอื่นๆ และยังเป็นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทในการขยายกิจการไปทั่วประเทศไทย และขยายออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นโรงแรมต้นแบบที่เปิดโอกาสให้ท่านผู้หญิงสร้างโรงเรียนการโรงแรม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนให้กับอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย

ท่านผู้หญิงเลือกชื่อ “ดุสิตธานี” มาเป็นชื่อของโรงแรม และชื่อของบริษัท เนื่องจากเป็นคำไทยที่ออกเสียงง่าย มีความหมายที่เป็นมงคล คือ แดนสวรรค์ชั้นดุสิต (หรือสวรรค์ชั้น 4) และยังเป็นนามมงคลที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานเรียกเมืองจำลองต้นแบบประชาธิปไตยในปีพ.ศ. 2461

ดังนั้น ชื่อดุสิตธานี จึงบ่งบอกถึงการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับมาตรฐานของตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับความปรารถนาของท่านผู้หญิงที่จะสร้างโรงแรมที่มีระดับมาตรฐานสากล ที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมไทยอันอ่อนน้อม และงดงาม และโดดเด่นมีเอกลักษณ์


วันนี้ คติความเชื่อของท่านผู้หญิงได้เติบโตจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ซึ่งเป็นต้นแบบ และถ่ายทอดไปสู่ 5 ธุรกิจหลัก ซึ่งได้แก่ 

  1. ธุรกิจโรงแรม (Dusit Hotels & Resorts)
  2. ธุรกิจอาหาร (Dusit Foods)
  3. ธุรกิจการศึกษา (Dusit Hospitality Education)
  4. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Property Development)
  5. ธุรกิจการให้บริการที่เกี่ยวข้อง (Hospitality-related services)

ซึ่งการเติบโตของแต่ละกลุ่มธุรกิจ เกิดจากการนำเอาความแข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของการให้บริการโรงแรมแบบครบวงจร มาพัฒนาต่อยอดเพื่อขยายการเติบโตให้กับกลุ่มดุสิตธานี