"งูเขียว" ถือเป็นสัตว์ที่หลายๆ คนหวาดกลัว เนื่องจากมีรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ากลัว อีกทั้งงูยังขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์มีพิษร้ายแรง แต่แท้จริงแล้วงูเขียวมีทั้งแบบมีพิษ และไม่มีพิษ บทความนี้ ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปทำความรู้จัก งูเขียวมีพิษและไม่มีพิษแต่ละชนิดที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ดังนี้

รู้จัก 5 งูเขียวไม่มีพิษ-พิษอ่อนๆ มีอะไรบ้าง

งูเขียว ถือเป็นงูอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นงูเขียวไม่มีพิษ หรือมีพิเศษอ่อน แต่ไม่เป็นอันตราย ดังนี้

1. งูเขียวพระอินทร์ 

งูเขียวพระอินทร์ หรืองูเขียวดอกหมาก (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Chrysopelea ornata) มีลักษณะลำตัวสีเขียวอ่อนสลับลายดำ โดยจะมีลายสีดำบริเวณหัวมากกว่าส่วนอื่นจนคล้ายกับว่างูชนิดนี้มีหัวสีดำ ใต้คางสีขาว ใต้ท้องสีเขียวอ่อน หรือเหลืองอ่อน
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหางประมาณ 140 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อน หากถูกกัดจะมีอาการอักเสบ และปวดบวมเล็กน้อย
พฤติกรรมงูเขียวพระอินทร์ : ออกหากินในช่วงกลางวัน ว่องไว อาศัยตามซอกไม้ โพรงไม้

...

2. งูเขียวปากจิ้งจก หรืองูเขียวหัวจิ้งจก

งูเขียวปากจิ้งจก หรืองูเขียวหัวจิ้งจก (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Ahaetulla prasina) แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจะมีสีเขียวอ่อน, กลุ่มที่สองจะมีสีเทาขาว และกลุ่มที่สามจะมีสีเหลืองทอง ซึ่งทุกกลุ่มจะมีลายคล้ายกัน คือ มีลายสีดำเฉียงพาดลำตัว ทั้งนี้ ลักษณะเด่นของพันธุ์นี้คือ เรียวยาว ปลายปากแหลม
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหาง เมื่อโตเต็มที่ประมาณ 200 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อนมาก เป็นอันตรายต่อสัตว์เล็ก เช่น นก กิ้งก่า แมลง
พฤติกรรมงูเขียวปากจิ้งจก : ออกหากินทั้งกลางวันและกลางคืน อาศัยตามต้นไม้

ขอบคุณภาพจาก ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพเฉลิมพระเกียรติฯ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขอบคุณภาพจาก ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพเฉลิมพระเกียรติฯ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

3. งูเขียวกาบหมาก

งูเขียวกาบหมาก (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Gonyosoma oxycephalum) มีลำตัวยาว สีเขียวอ่อน หัวเรียวยาว ด้านบนของหัวมีสีน้ำตาลแดง บางตัวหางสีแดงคล้ำ เมื่อเจอเหตุการณ์ตกใจงูเขียวกาบหมากจะพองถุงลมบริเวณคอ ส่งผลให้ตรงคอโป่งพอง
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหาง เมื่อโตเต็มยาวได้มากถึง 250 เซนติเมตร
พิษ : ไม่มีพิษ
พฤติกรรมงูเขียวกาบหมาก : ออกหากินตอนกลางวัน กินสัตว์เล็ก อาศัยตามต้นไม้ หรือไม้รก

ขอบคุณภาพจาก  อุทยานแห่งชาติปางสีดา - Pang sida National Park
ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติปางสีดา - Pang sida National Park

4. งูเขียวบอน 

งูเขียวบอน (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Boiga saengsomi) เป็นงูขนาดกลาง ตาโต หัวยาวและกว้างกว่าลำคอ ลำตัวยาวและแบนข้าง หางเรียวเล็ก ผิวหนังมีเกล็ดคลุม โดยเกล็ดบนหลังไปจนถึงกลางลำตัวมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่นๆ
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหางประมาณ 100 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อน ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
พฤติกรรมงูเขียวบอน : อาศัยตามต้นไม้สูง หรือป่าดิบชื้น ส่วนใหญ่ออกหากินช่วงกลางคืน

...

5. งูเขียวปากแหนบ

งูเขียวปากแหนบ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Ahaetulla fusca) หัวยาวและกว้างกว่าคอ ปลายของหัวเรียว และมีรยางค์ยื่นออกไป ตาใหญ่ ลำตัวมีสีเขียว ขนาดเล็ก เรียว และยาว ผิวหนังมีเกล็ดปกคลุม โดยเกล็ดด้านบนเป็นแผ่นขนาดใหญ่ สีบริเวณอาจเป็นสีเขียว เขียวอ่อน หรือสีแดง
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหางประมาณ 30-60 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อน ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
พฤติกรรมงูปากแหนบ : ออกหากินทั้งกลางวัน อาศัยตามสวน และป่าดิบชื้น 

...

รู้จัก "งูเขียวหางไหม้" งูเขียวพิษร้ายแรง

งูเขียวหางไหม้ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Trimeresurus popeiorum) งูพิษร้ายแรงที่พบได้บ่อยในประเทศไทย นิสัยดุร้าย ลำตัวและหัวมีสีเขียว หัวเป็นรูปสามเหลี่ยมกว้าง ม่านตาคล้ายตาแมว บริเวณหางสั้นมีสีแดง เกล็ดหัวเรียบมีขนาดเล็ก แต่เกล็ดตามลำตัวเป็นสัน 
ขนาด : มีความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร
พิษ : พิษร้ายแรง หากถูกกัดจะส่งผลให้ปวด บวม แดง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก ตลอดจนเสียชีวิตได้
พฤติกรรมงูเขียวหางไหม้ : ออกหากินเวลากลางคืน อาศัยบริเวณพุ่มไม้ หรือต้นไม้ในป่าดิบชื้น

รู้ไว้รักษาทัน ถูกงูเขียวกัดต้องทำอย่างไร

หากถูกงูเขียวกัด หรือมีคนรอบตัวถูกงูเขียวกัดให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้

  • หากบริเวณงูกัดมีเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับกดทับไว้ ให้รีบถอดออกทันที
  • ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
  • ดามแผลบริเวณที่งูกัด เพื่อให้เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด
  • วางส่วนที่งูกัดไว้ต่ำกว่าระดับหัวใจ
  • รีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด 

...

ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ปากดูดแผลที่ถูกกัด ไม่ควรขันชะเนาะ และไม่ควรนำสมุนไพร ยาสีฟัน หรือแอลกอฮอล์มาทาบริเวณแผล เนื่องจากส่งผลให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าเดิม

งูเขียวถือเป็นงูที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ส่วนใหญ่ไม่มีพิษ แต่หากโดนงูเขียวหางไหม้ หรืองูเขียวที่มีพิษสายพันธุ์อื่นๆ กัด แนะนำให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบน้ำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายและรักษาตามอาการ