วันที่ 25 สิงหาคม 2568 TikTok ประเทศไทย ได้จัดงาน "Future of Trust Summit 2.0" ประกาศเดินหน้าโครงการ #คนไทยรู้ทันซีซัน 2 อย่างเป็นทางการ โดยผนึกกำลังกับ 12 หน่วยงานชั้นนำจากทั้งภาครัฐและประชาสังคม เพื่อยกระดับการสร้างความตระหนักรู้และมอบทักษะดิจิทัลที่จำเป็นให้คนไทยสามารถรับมือกับกลโกงและภัยออนไลน์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
โครงการนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากซีซันแรกที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดรับชมสูงถึง 3,400 ล้านครั้ง โดยในซีซัน 2 นี้ ได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), และ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อเสริมทัพความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรเดิม
...
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประธานในพิธีได้เน้นย้ำว่า "การสร้างความตระหนักรู้ด้านดิจิทัลให้กับประชาชนคือภูมิคุ้มกันที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์อย่างยั่งยืน"
ด้าน ชนิดา คล้ายพันธ์, Head of Public Policy for Southeast Asia, TikTok เสริมว่า "เป้าหมายของเราคือการปลูกฝัง 'New Online Behavior' หรือพฤติกรรมออนไลน์รูปแบบใหม่ที่ปลอดภัยให้กับคนไทย ผ่านการสร้าง Big Idea ที่จดจำง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง"
การผนึกกำลังครั้งสำคัญของ 12 องค์กรผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและประชาสังคม ที่จะมาย่อยข้อมูลยากๆ และตีแผ่ทุกกลโกงให้คุณเข้าใจง่าย ผ่านเนื้อหาที่สนุกและสร้างสรรค์ เพื่อสร้าง "พฤติกรรมออนไลน์รูปแบบใหม่" ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ผ่านเวทีเสวนาที่น่าสนใจ 3 หัวข้อ เพื่ออัปเดตกลโกงและแนวทางป้องกันจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
"เอ๊ะให้ทัน ถามให้ชัด อ๋อให้ไว? รู้ทันภัยทุกรูปแบบ"
เวทีเสวนานี้เจาะลึกภาพรวมของปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแนวทางการแก้ไขที่แต่ละหน่วยงานกำลังดำเนินการอยู่ ประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ ตั้งแต่บัญชีม้า, ซิมผี, ไปจนถึง SMS หลอกลวง โดยได้บังคับใช้ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์โดยเฉพาะ
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (NCSA) เน้นภารกิจป้องกันพื้นฐานไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวงทางไซเบอร์ ผ่านการให้ความรู้ การป้องกันทางเทคนิค และร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในการช่วยเหลือประชาชน
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการทั้งในมิติของการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง มีการจับกุมแก๊งมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสื่อสารเชิงรุกผ่านโซเชียลมีเดีย โดยนำประสบการณ์จากการสืบสวนมาตีแผ่กลโกงและแจ้งเตือนประชาชนให้รู้เท่าทัน
"สแกนโกงก่อนช้อป เช็คชัวร์ก่อนจ่ายบนแพลตฟอร์มแนวใหม่ของโลกการซื้อขายออนไลน์"
เวทีนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างความปลอดภัยในอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงมาร่วมให้ข้อมูล
ผู้ร่วมเสวนาจาก อย. (FDA), สคบ. (OCPB), และ สภาองค์กรของผู้บริโภค (TCC) ที่ได้เน้นย้ำถึงวิธีการตรวจสอบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน สินค้าปลอม และการรักษาสิทธิของผู้บริโภค
ขณะที่ บช.สอท. (CCIB) และ ETDA ได้ให้มุมมองด้านการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขายที่กระทำผิด และการกำกับดูแลแพลตฟอร์มให้มีความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในระยะยาว
"รู้เท่าทันกลโกงยุคใหม่ในโลกการเงินดิจิทัล"
ปิดท้ายด้วยประเด็นที่ซับซ้อนและใกล้ตัวผู้คนมากขึ้น กับโลกการเงินดิจิทัล, Web3, ฟินเทค, คริปโต และ NFT โดยการเสวนานี้เป็นการเตือนภัยและให้ความรู้เกี่ยวกับการหลอกลวงเพื่อการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อน โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) และ ก.ล.ต. (SEC) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อควรระวังในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ด้าน DSI ได้ยกตัวอย่างคดีแชร์ลูกโซ่และการลงทุนที่เข้าข่ายการฉ้อโกง ขณะที่ Cofact ได้แนะนำแนวทางการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมที่ชักชวนให้ลงทุน
...
โครงการคนไทยรู้ทันซีซัน 2 ตั้งเป้าเข้าถึงคนไทยทุกคนผ่านการสร้างสรรค์เนื้อหาที่เข้าใจง่าย โดยร่วมมือกับครีเอเตอร์กว่า 10 ราย พร้อมจัดกิจกรรม #Hashtag Challenge "เอ๊ะ ถาม อ๋อ" ชวนคนไทยร่วมทำคอนเทนต์เตือนภัยออนไลน์ไปจนถึงวันที่ 25 กันยายน 2568 เพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับทุกคนให้คนไทยได้เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และติดตามได้ในแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok และช่องทางโซเชียลมีเดียของหน่วยงานพันธมิตร ผ่านแฮชแท็ก #คนไทยรู้ทันซีซัน2 และ #เอ๊ะถามอ๋อ ที่ครั้งนี้ TikTok และ 12 หน่วยงานพันธมิตรชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งแกร่ง เพื่อยกระดับเนื้อหาให้ครอบคลุมและเข้มข้นกว่าเดิม ตั้งเป้าปลูกฝัง "New Online Behavior" หรือพฤติกรรมการออนไลน์ที่ปลอดภัยให้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน