สำหรับคนที่เป็นลูกจ้างมนุษย์เงินเดือน นอกจากกองทุนประกันสังคมที่ช่วยเหลือเงินชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง ลาออก หรือเสียชีวิตแล้ว ยังมี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง” ที่ให้การช่วยเหลือลูกจ้างด้วย ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 นี้ รายละเอียดของกองทุนนี้เป็นอย่างไร เราสรุปมาให้ดังนี้

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง คืออะไร

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดให้มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (หมวด 13 กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตั้งแต่มาตรา 126 – มาตรา 138) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเงินออมของลูกจ้างเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง, ลาออก, หรือเสียชีวิต โดยเฉพาะในกรณีที่นายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และมีคณะกรรมการเป็นผู้บริหารจัดการ

ขณะที่เงินสมทบประกันสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันสังคมให้ลูกจ้างที่ประสบกับความเดือดร้อนจากความเสี่ยงต่างๆ เช่น การเจ็บป่วย การคลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และว่างงาน ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนการขาดรายได้ เงินสงเคราะห์บุตร เงินบำนาญ

ขอบเขตการบังคับใช้

1. นายจ้างซึ่งมีลูกจ้าง 10 คนขึ้นไป ต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนการเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (บังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป)

2. นายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว แต่ลูกจ้างบางส่วน ไม่ได้เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลูกจ้างส่วนนี้ต้องเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...


ลูกจ้างที่ต้องเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ได้แก่

1. ลูกจ้างทดลองงาน ลูกจ้างชั่วคราว

2. ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างรายชั่วโมงตามผลงานตามฤดูกาล

3. ลูกจ้างต่างด้าว 3 สัญชาติ / ลูกจ้างต่างชาติอื่น ๆ

4. ลูกจ้างตามสัญญาจ้างที่กำหนดเวลา

5. ลูกจ้างที่มีการจ้างงานหลังเกษียณอายุแม้อายุเกิน 60 ปีก็ตาม

ลูกจ้างที่ไม่ต้องเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ได้แก่

1. จ้างเป็นที่ปรึกษาอิสระ จ้างเป็นฟรีแลนซ์ ไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ไม่กำหนดวันเวลาทำงานที่ชัดเจน ไม่ใช่ลูกจ้าง

2. กรรมการผู้จัดการที่บริหารกิจการโดยอิสระ ได้รับค่าตอบแทนค่าบริหาร แต่อิสระ ไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของบริษัท ไม่ใช่ลูกจ้าง

3. ตัวแทนขายอิสระ พนักงานรับขนสินค้าอิสระ ไม่ใช่ลูกจ้าง

4. นักเรียน นักศึกษาที่ฝึกงานตามหลักสูตรการศึกษา ไม่ใช่ลูกจ้าง

กิจการที่ได้รับการยกเว้น

1. กิจการที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 10 คน

2. กิจการที่นายจ้างได้จัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และดำเนินการให้ลูกจ้างเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่ลูกจ้างบางส่วนที่ไม่เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นายจ้างต้องดำเนินการให้ลูกจ้างส่วนนี้เป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

3. กิจการที่นายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. 2567

4. งานที่มิได้แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2541) เช่น มูลนิธิ สมาคม นิติบุคคลหมู่บ้าน องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ฯลฯ เป็นต้น

5. องค์การมหาชน

6. ลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับงานบ้านที่ไม่มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย (กฎกระทรวง ฉบับที่ 15)

7. งานประมงทะเล (กฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. 2565)

8. งานเกษตรกรรมซึ่งมิได้จ้างตลอดปีและมิได้ให้ลูกจ้างทำงานในลักษณะที่เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากงานดังกล่าว

9. กิจการของโรงเรียนในระบบเฉพาะในส่วนของผู้อำนวยการ ครูและบุคลากรทางการศึกษาตามกฎหมายโรงเรียนเอกชน

10. กิจการของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

11. มหาวิทยาลัยที่หน่วยงานรัฐกำกับดูแลซึ่งมีกฎหมายจัดตั้งเฉพาะ

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock


เมื่อใดลูกจ้างมีสิทธิยื่นขอรับเงินสงเคราะห์

  • เมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างและนายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย ลูกจ้างยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ได้ เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยและนายจ้างมิได้จ่ายเงินตามคำสั่งภายในกำหนด ซึ่งนายจ้างมิได้นำคดีไปสู่ศาล (พ้นระยะ 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง)
  • เมื่อนายจ้างค้างจ่ายค่าจ้างหรือเงินอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ลูกจ้างยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ได้เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินและนายจ้างมิได้จ่ายเงินตามคำสั่งภายในกำหนด
  • การยื่นขอรับเงินกองทุนฯ ต้องยื่นคำขอภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่พนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงิน

...

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นขอรับเงินสงเคราะห์

บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการออกให้ซึ่งแสดงได้ว่าระบุถึงตัวผู้นั้นพร้อมสำเนา

จากนั้นนำเอกสารไปยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ตามแบบที่อธิบดีกำหนด (แบบ สกล.1) ต่อพนักงานตรวจแรงงานแห่งท้องที่ที่มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงิน

  • ส่วนกลาง ยื่นได้ที่กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ ทุกพื้นที่
  • ส่วนภูมิภาค ยื่นได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ทุกจังหวัด

วิธีการรับเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

ลูกจ้างมารับเงินด้วยตนเองภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาคำขอรับเงินสงเคราะห์พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงด้วย หากไม่สามารถมารับเงินด้วยตนเองได้ สามารถทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับเงินแทนได้ ผู้รับมอบอำนาจต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และตนไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับเงิน

หากไม่มารับเงินภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หรือลูกจ้างถึงแก่ความตาย สิทธิในการขอรับเงินสงเคราะห์เป็นอันระงับสิ้นไป หากลูกจ้างผู้ถูกระงับสิทธิ์ไปแล้ว มีความประสงค์จะรับเงินกองทุนฯ อีกต้องยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์ใหม่

อย่างไรก็ตาม ได้มีกระแสข่าวการเลื่อนจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่ก่อนหน้านี้กำหนดให้มีการเริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้รายงานว่ามีแนวโน้มว่าจะเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปก่อน

ด้านเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน พรรคประชาชน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงการเลื่อนจัดเก็บกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โดยประกาศคัดค้านการเลื่อนบังคับใช้ออกไป เนื่องจากเป็นการตัดสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างรอคอยมานาน 26 ปี ส่งผลให้มีลูกจ้างกว่า 9 ล้านคนต้องเผชิญความเสี่ยง โดยยืนยันว่า ต้องบังคับใช้ตามกำหนดเดิมทันที ไม่เลื่อน ซึ่งจะมีการนัดชุมนุมคัดค้านที่กระทรวงแรงงาน ในเวลา 9.00 น. วันที่ 20 ส.ค. 2568

...

ที่มา : กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน