กระแส AI (ปัญญาประดิษฐ์) กำลังมาแรงแซงโค้ง ไม่เว้นแม้แต่โลกของการสมัครงาน ที่ได้เข้ามาเป็นตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามก็อาจเป็นดาบสองคมในอีกแง่มุม
ผลวิจัยจาก Jobseeker ชี้ชัดว่า ผู้หางานกว่า 40% หันมาใช้ AI เพื่อช่วยเหลือในการสมัครงานมากขึ้น และคิดว่าการสมัครงานจะมีประสิทธิภาพขึ้นถึง 90% จาก AI แต่อีกด้านหนึ่งผู้จัดการฝ่ายบุคคล 41% กลับมีแนวโน้มพิจารณาผู้สมัครที่ใช้ AI น้อยลง จากประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันว่า AI ที่เข้ามานั้น คือ เพื่อนผู้ช่วย หรือศัตรูในการหางานกันแน่ เนื้อหานี้ชวนสรุปแบบน่าสนใจระหว่างข้อดี และข้อเสียจาก AI ในหลากหลายแง่มุม
ข้อดี AI ผู้ช่วยส่วนตัวสุดเจ๋ง ในการสมัครงาน
ลำดับแรก คือ เรื่องของ “การประหยัดเวลา” เพราะว่าการเขียนเรซูเม่ และจดหมายสมัครงานใหม่ในทุกครั้งที่สมัครงาน อาจจะเป็นเรื่องที่ซ้ำซ้อน และยุ่งยาก AI จะเข้ามาเป็นตัวช่วยด้วยเทมเพลตที่มีอยู่ พร้อมกับคำสั่งแค่ไม่กี่คำสั่ง เราก็จะได้เอกสารพร้อมสมัครงานแบบหลากหลายตำแหน่งในพริบตา
นอกจากนี้ “หลักไวยากรณ์” การใช้คำที่ค่อนข้างดี ทำให้ผู้สมัครลดความกังวลเรื่องพิมพ์ผิด ไวยากรณ์เพี้ยน หรือภาษาไม่เป็นทางการอีกต่อไป เพราะปัจจุบันมี AI หลายตัวที่ช่วยเขียนช่วยปรับคำอยู่มาก ดังนั้นการตรวจจับข้อผิดพลาด การแก้ไขอัตโนมัติ และปรับปรุงโครงสร้างประโยค หรือแนะนำคำศัพท์ที่เหมาะสม ทำให้ใบสมัครของเราเองนั้นดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
“ปรับแต่งรูปแบบได้ตรงใจ” AI เก่งเรื่องการปรับแต่ง และอีกหลายๆ โปรแกรมสามารถวิเคราะห์รายละเอียดงานและปรับเรซูเม่ของคุณให้ตรงกับคีย์เวิร์ดสำคัญ เพิ่มโอกาสให้ใบสมัครของคุณผ่านด่าน ATS (Applicant Tracking System) และสร้างความประทับใจให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคล
...
“เพิ่มความมั่นใจในการสมัครงาน” การรู้ว่าเอกสารของคุณถูกตรวจทานและปรับปรุงมาอย่างดี ทำให้สามารถมั่นใจเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งการ “จับคู่คีย์เวิร์ดที่แม่นยำ” เพราะในหลายบริษัทใช้ ATS ในการสแกนหาคีย์เวิร์ด และ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในใบสมัครให้ตรงตามข้อกำหนดเหล่านี้ ทำให้เรซูเม่ของคุณไม่ตกหล่นในการคัดกรองเบื้องต้น
ข้อเสียจาก AI ที่จะกลายเป็นดาบสองคมในการสมัครงาน
“การใช้ AI ช่วยเหลือมาก อาจทำให้ใบสมัครดูเป็น AI จนเกินไป” เพราะเอกสารที่ AI สร้างขึ้นอาจขาดความเป็นธรรมชาติหรือความเป็นตัวเอง และถ้าหลายๆ คนใช้ AI เหมือนกัน อาจทำให้ใบสมัครเหล่านี้ ไม่โดดเด่นเท่ากับผู้สมัครคนที่สร้างใบสมัครด้วยความคิดสร้างสรรค์ และความประณีต อย่างไรก็ตาม AI ก็ยังมีช่องทางในเรื่องของ Prompt ที่สร้างความแตกต่าง ปรับแต่งได้ เพียงแต่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในด้าน AI เพิ่มเติม
“ลดความน่าเชื่อถือ” การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลสงสัยในความสามารถที่แท้จริงของผู้สมัครได้ พร้อมกันนี้ “นายจ้างบางราย อาจไม่ปลื้ม” เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลบางคนมองว่าการใช้ AI เป็นทางลัด หรืออาจตั้งคำถามถึงความพยายามของผู้สมัคร
“ความเสี่ยงที่ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน” เพราะ AI ก็ผิดพลาดได้ โดยเฉพาะหากเราป้อนข้อมูลไม่ชัดเจน อาจทำให้ข้อมูลที่สร้างขึ้นไม่ถูกต้องได้ และเกิดการสื่อสารที่ผิดพลาด ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบทุกรายละเอียดในใบสมัครทุกครั้งเสมอ
สุดท้ายการส่งข้อมูลส่วนตัวให้เครื่องมือ AI ออนไลน์อาจ “มีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวได้” ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงและปลอดภัย และต้องมองหาคุณสมบัติการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนเว็บไซต์สมัครงานเป็นลำดับแรก
กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการใช้ AI ในการสมัครงาน คือ การหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างประสิทธิภาพและความถูกต้อง อนาคตของการหางานด้วย AI จะเอื้อประโยชน์ต่อผู้สมัครที่สามารถใช้เครื่องมืออันทรงพลังเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาด ควบคู่ไปกับการรักษาความเป็นตัวของตัวเอง และแสดงคุณค่าที่แท้จริงให้ผู้จ้างเห็น
ข้อมูล: Forbes