เคล็ดลับสร้างสุข และพลังบวกในที่ทำงาน ฟื้นฟูใจในยุคที่ความท้าทายถาโถม เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความวิตกกังวล การรักษาความสุขและพลังบวกในชีวิตและการทำงานกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
รายงานล่าสุดจากสถานะแรงงานฤดูร้อนปี 2025 ของ meQuilibrium ระบุว่า พนักงานจำนวนมากกำลังเผชิญกับความรู้สึกแย่ลงทั้งในสถานการณ์ส่วนตัว และภาพรวมของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพจิต อย่างไรก็ตาม เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วย 9 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณฟื้นฟูจิตใจ สร้างเกราะป้องกันความคิดลบ และเติมเต็มพลังบวกให้ลุยงานได้อย่างมีความสุข
- การเลือกเสพข่าวสารอย่างมีสติ
ยุคดิจิทัลที่ข่าวสารท่วมท้น การรับรู้ความเป็นไปของโลกเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเสพข่าวมากเกินไป โดยเฉพาะข่าวเชิงลบ อาจทำให้จมดิ่งกับความวิตกกังวลได้ ดังนั้นให้กำหนดขอบเขตในการรับข่าวสารและโซเชียลมีเดีย เลือกแหล่งข้อมูลที่ให้มุมมองที่สมดุล และสร้างสรรค์ สร้างพลังบวก เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลครบถ้วนโดยไม่สูญเสียพลังงานดีๆ และความรู้สึกคิดลบไป
- เลือกคบมิตรที่มีคุณภาพ
สิ่งแวดล้อมทางสังคมมีผลต่ออารมณ์อย่างมาก ควรหลีกเลี่ยงการใช้เวลากับคนที่ชอบบ่น หรือมองโลกในแง่ร้าย จงมองหาและเชื่อมสัมพันธ์กับคนที่เป็นพลังบวก คอยให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้รู้สึกดีขึ้น และมีพลังในทุกๆ วัน
- เชื่อมสัมพันธ์กับผู้คน
เมื่อโลกภายนอกดูวุ่นวาย การได้พูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ คือ ยาคลายเครียดชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นการนัดเจอเพื่อน ทักทายเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คุยกับคนแปลกหน้าในร้านกาแฟ การเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นจะช่วยให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และเติมเต็มพลังงานภายในตัวเองได้
...
- จดจ่อในสิ่งที่ควบคุมได้ และปล่อยวางสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
ทุกสถานการณ์อาจทำให้รู้สึกไร้พลัง แต่จงอย่าลืมใจดีกับตัวเองด้วย เราสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างไร จัดการอย่างไร หรือเหตุการณ์ใดไม่สามารถจัดการได้ เลือกที่จะเป็นคนใจดีในทุกๆ วัน การกระทำเล็กๆ น้อยๆ เช่น การเปิดประตู หรือการกล่าวคำขอบคุณ สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวก และเปลี่ยนมุมมองได้
ยิ้มเข้าไว้
เพียงแค่การยิ้มก็สามารถกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองที่ช่วยลดความเครียดได้ แม้ว่าคุณจะรู้สึกแย่ การยิ้มก็ยังช่วยปล่อยสารโดปามีน เอนดอร์ฟิน และเซโรโทนิน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ
- มองหาข้อดีในทุกวัน
การยอมรับสิ่งดีๆ ควบคู่ไปกับความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เพื่อเตือนตัวเองว่าเรากำลังก้าวไปข้างหน้าเสมอ ลองทำสิ่งที่เรียกว่า "Feel-Good Trifecta" ในช่วงท้ายของแต่ละวัน ที่เป็นการบันทึก 3 สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพื่อเปลี่ยนโฟกัสจากความกังวลไปสู่ความสำเร็จ
- พลังบวกส่งต่อได้ ด้วยกำลังใจต่อคนรอบข้าง
เมื่อคุณเห็นใครกำลังเผชิญความยากลำบาก จงยื่นมือเข้าช่วย บางครั้งแค่การรับฟังก็เพียงพอแล้ว การช่วยเหลือผู้อื่นไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น แต่ยังช่วยยกระดับจิตใจของตัวเองด้วย
- ปล่อยใจไปกับการสร้างสรรค์
เมื่อทุกอย่างดูหนักอึ้ง ลองใช้เวลาไปกับการสร้างสรรค์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรื่องสั้น วาดรูป ทำในสิ่งที่ชอบ หรือคิดโปรเจกต์ใหม่ๆ เพื่อไตร่ตรองสิ่งที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ แล้วลงมือทำ ให้เวลาตัวเอง 10-15 นาทีสำหรับการคิดแบบไม่มีโครงสร้างและไม่มีเป้าหมาย เพียงเพื่อความสุข เพียงแค่นี้จะช่วยยกระดับจิตใจได้มาก
- สร้างคลังเครื่องมือส่วนตัว
เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้เสมอไป แต่สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่อาจทำให้รู้สึกแย่ได้ อาจหาวิธีคลายเครียดที่ชื่นชอบและเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการดูคลิปตลกๆ ฝึกหายใจลึกๆ หรือการได้พูดคุยกับเพื่อน ทั้งหมดนี้ คือ เครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้ฟื้นตัวจากความรู้สึกแย่ และช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างรวดเร็ว
- ปรับทัศนคติเชิงบวกอย่างตั้งใจ
การคิดบวกไม่ได้หมายถึงการแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีในขณะที่มันไม่ใช่ แต่เป็นการเลือกที่จะปรับทัศนคติที่ส่งผลดีต่อตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นรอบตัวคุณ มันคือการเลือกที่จะมีความหวัง มองโลกในแง่ดี แสดงความกตัญญู และเชื่อมโยงกับผู้คนอย่างตั้งใจ ทัศนคติแบบนี้ไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งต่อไปยังคนรอบข้างได้อีกด้วย