เราอยู่ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตแทบทุกด้าน รวมไปถึงการทำงานที่ AI เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกได้มากมายในหลากหลายสาขาอาชีพ รวมไปถึงงานเบื้องหลังกองถ่ายซีรีส์มาแรงจาก Netflix อย่าง “สงคราม ส่งด่วน” หรือ Mad Unicorn ที่คุณไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับซีรีส์ บอกกับทีมไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ว่าเขานำ AI มาใช้งานด้วยเช่นกัน

“ผมคิดว่า AI ช่วยย่นระยะเวลาการทำงานในหลายๆ ส่วนลงได้พอสมควร ถามว่า AI มาแย่งงานไหม ผมว่ามันอาจจะแย่งงานบางตำแหน่งที่ใครก็ทำได้ พวกงานที่ไม่ได้ต้องการทักษะที่เฉพาะเจาะจงที่คนต้องทำ หรืออย่างผมเคยใช้ในการเขียนบทหาข้อมูลเชิงลึกบางอย่าง ที่เราค้นหาในเว็บอาจจะหาไม่เจอ เพราะว่าการเขียนบทที่เป็นบทสนทนาตัวละคร หรือว่าเป็นสถานการณ์ที่มันจะมีบริบทความเข้าใจที่เราต้องการความเข้าใจในสถานการณ์นั้นสูงมาก AI ก็สามารถช่วยงานในส่วนนี้ได้” คุณไก่-ณฐพล กล่าว

เขายกตัวอย่างผลงานล่าสุดอย่างซีรีส์สงคราม ส่งด่วน ซึ่งใช้เวลาถึง 4 ปีในการผลิต เป็นช่วงจังหวะที่ AI เริ่มต้นมีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Claude AI และอีกมากมาย ที่เขานำมาใช้ประโยชน์ในเรื่องของการเขียนบทตัวละครที่มีทั้งในแง่ธุรกิจ แง่เทคโนโลยีของทีมเทคฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัวเขามาก AI จึงมีบทบาทในการช่วยสำรวจข้อมูลก่อนที่จะเขียนบทได้อย่างรวดเร็ว เพราะช่วยลดระยะเวลาในการทำงานได้มากขึ้น

คุณไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (ภาพ ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)
คุณไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (ภาพ ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)

...

โดยเขานำข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จาก AI มาตั้งเป็นตุ๊กตา จากนั้นก็ไปตรวจสอบความถูกต้องจากคนที่อยู่ในแวดวงนั้นๆ ว่าสิ่งที่วางไว้ถูกต้องหรือไม่ และนำมาปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยมากที่สุด

นอกจากนี้เขายังใช้ AI ในการ Generate ภาพโลเคชั่นที่ใกล้เคียงกับจินตนาการให้มากที่สุด แล้วให้ทีมงานช่วยค้นหาสถานที่ที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการ รวมถึงยังมีส่วนช่วยในการร่างลักษณะตัวละครต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทีมแคสติ้งในการค้นหานักแสดงที่มีลักษณะใกล้เคียงอีกด้วย

เมื่อถามถึงการที่ AI เข้ามามีบทบาทในการทำงานเบื้องหลังวงการซีรีส์และภาพยนตร์มากขึ้น จะมีผลกระทบต่อคนทำงานหรือไม่ คุณไก่ให้ความเห็นว่า

“ผมรู้สึกว่าการทำหนังเป็นการเชื่อมโยงที่เรามีระหว่างคนต่อคนด้วยกันนะครับ คือผมไม่รู้หรอกว่า AI วันหนึ่งมันอาจจะทำได้เพอร์เฟกต์จนเราแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่านี่คืองานของคนหรือเปล่า มันอาจจะเข้าใจมนุษย์ซะมากกว่ามนุษย์เองด้วยซ้ำก็เป็นไปได้ แต่ ณ วันนี้ในวันที่เรายังทำหนังด้วยมือ เรายังมีตากล้องที่เดินถ่าย เรายังไม่ได้ทำงานทำหนังด้วย Prompt ของ AI ผมว่าการเชื่อมโยงที่เรามีระหว่างคนทำกับคนดู มันยังสัมผัสได้ผ่านตัวชิ้นงานแล้วก็คงน่าจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่ช่องว่างนี้จะเติมเต็ม”

เขาเอ่ยถึงโพสต์ของคุณเต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่เคยตั้งคำถามว่า “AI จะมาแทนคนทำหนังได้ไหม?” ซึ่งเขามองว่าเป็นคำถามที่ย้อนกลับไปยังคนดู เพราะคนส่วนใหญ่ก็ยังอยากดูหนังที่เล่าโดยคนมากกว่าเล่าโดย AI แม้ว่าพล็อตเรื่องจะสนุกมาก แต่ถ้าหากทำด้วย AI ก็อาจทำให้ความอยากดูลดลงไป

...

“เราอยากพูดกับคน เราไม่ได้อยากพูดกับ AI เราอาจจะอยากฟัง AI ในบางคำถามที่เราถามเขาแล้วเขาให้คำตอบเราได้ แต่ว่าเราไม่ได้อยากจะสร้าง Connection จริงๆ กับ AI เหมือนที่เราอยากจะสร้างกับคนหรอก ถ้ามันจะเกิดขึ้น ก็อาจจะเป็นการหลีกหนีความจริงว่าเราคุยกับ AI แล้วมันจะทดแทนคนได้ แต่ในท้ายที่สุดผมว่าคำตอบลึกๆ คนทุกคนอยากจะเชื่อมโยงเข้าหากันอยู่แล้ว และผมคิดว่าภาพยนตร์ก็เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงเหล่านั้น” คุณไก่ กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจ