แอบหางานตอนทำงานเปิดโปงกระแส Ghostworking มาแรงในทุกองค์กร พนักงาน 92% ที่ดูงานยุ่งกำลังหายงานทำใหม่แบบฉ่ำๆ 

เคยแกล้งทำเป็นยุ่ง แม้งานไม่เยอะ หรือเคยแอบเปิดเว็บหางานในช่วงเวลาทำงาน ถ้าใช่คุณไม่ใช่คนเดียวที่เป็น เพราะปรากฏการณ์นี้กำลังเป็นที่พูดถึงในชื่อใหม่ที่เรียกว่า "Ghostworking"

โดย Ghostworking ไม่ได้หมายความถึงการแกล้งทำเป็นทำงานอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการแอบหางานใหม่ รับงานนอก การอู้งานในช่วงเวลาทำงานของบริษัทด้วย 

Ghostworking คืออะไร

Ghostworking คือ การที่พนักงานแสร้งทำเป็นว่าทำงานอย่างจริงจัง ทั้งที่จริงๆ แล้วแทบไม่ได้สร้างผลงานที่มีความหมายอะไรเลย 

ต้นกำเนิดของพฤติกรรมนี้มาจากการหมดไฟในการทำงาน หรือภาวะแรงกดดันจากฝ่ายบริหาร และบางครั้งก็มาจากความสิ้นหวังของพนักงานที่กลัวจะตกงานจนต้องพยายามพิสูจน์ ว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่ ซึ่งแต่ก่อนเราอาจรู้จักกันในชื่อ "การแสร้งแสดงประสิทธิภาพการทำงาน" (Performance Theater) หรือ "การลาออกอย่างเงียบๆ" (Quiet Quitting) แต่ตอนนี้ Ghostworking ได้ยกระดับไปอีกขั้น ด้วย "การหางานใหม่ในเวลางาน"

Ghostworking สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจที่เพิ่มขึ้น ความไม่ลงรอยระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เนื่องจากหลังสถานการณ์โควิด และเศรษฐกิจต่างๆ นายจ้างหลายคนเริ่มใช้กลยุทธ์เพื่อตรวจสอบพนักงานของตนเอง เช่น การตรวจสอบพนักงานเพื่อรักษาธุรกิจ และผลประโยน์ขององค์กรเอาไว้ ขณะเดียวกันที่พนักงานที่ต้องทำงานภายใต้แรงกดดันและพิสูจน์ว่าตัวเองยุ่งอยู่ เพื่อตอบโต้กลับ ด้วยวิธีหลบเลี่ยงแบบเงียบๆ เช่น การแกล้งทำเป็นประชุม การแอบงีบ หรือแม้กระทั่งการพักร้อนแบบเงียบๆ 

ผลสำรวจจาก Resume Now  ล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าพนักงานไม่ได้แค่แกล้งทำเป็นทำงานเท่านั้น แต่ยังแอบหางานใหม่ในเวลางานอีกด้วย โดย Resume Now รายงานเรื่องของ "Ghostworking" ล่าสุดที่สำรวจพนักงานชาวอเมริกัน 1,127 คน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025 เผยให้เห็นถึงวิกฤตประสิทธิภาพการทำงานที่กำลังเพิ่มขึ้น พบว่าพนักงานจำนวนมากแกล้งทำเป็นทำงาน และที่น่าตกใจคือมีบางส่วนถึงขั้นหางานใหม่แทนที่จะทำงาน

...

ผลสำรวจระบุว่า 58% ของพนักงานยอมรับว่า “แกล้งทำเป็นทำงานเป็นประจำ” และอีก 34% “ทำเป็นบางครั้ง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะแรงกดดันที่ต้องแสดงให้เห็นว่าตัวเองยุ่ง ไม่ใช่เพราะต้องการทำงานจริงๆ กลยุทธ์ยอดนิยมที่พนักงานใช้สร้างภาพลวงตาของประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่

  • 23% เดินวนไปมาในออฟฟิศพร้อมสมุดจดเพื่อให้ดูยุ่ง
  • 22% พิมพ์งานแบบสุ่มเพื่อให้ดูมีส่วนร่วม
  • 15% ถือโทรศัพท์แนบหูแต่ไม่ได้โทรออกจริง
  • 15% เปิดสเปรดชีตทิ้งไว้ขณะแอบดูเนื้อหาอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
  • 12% ตั้งตารางประชุมปลอมเพื่อเลี่ยงงานจริง

นอกจากนี้ พนักงานมีแนวโน้มที่จะเสียเวลามากกว่าเมื่อทำงานจากที่บ้านเล็กน้อย 43% เทียบกับที่ทำงานในออฟฟิศ 37%

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดจากผลสำรวจคือ พนักงานจำนวนมากสารภาพว่าแอบหางานในขณะที่ควรจะทำงาน โดย 92% ยอมรับว่าหางานใหม่ในช่วงเวลาทำงาน มีถึง 55% ที่ค้นหางานใหม่เป็นประจำ และ 37% ค้นหางานใหม่เป็นครั้งคราว

พฤติกรรมที่พนักงานใช้ในการแอบหางานมีดังนี้

  • 24% ใช้เวลาของบริษัทในการแก้ไขเรซูเม่
  • 23% สมัครงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงาน
  • 20% รับสายจากบริษัทจัดหางาน
  • 19% แอบออกไปสัมภาษณ์งาน

Keith Spencer ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพจาก Resume Now มองว่า Ghostworking เป็นสัญญาณของการสื่อสารที่ไม่ดีและภาวะหมดไฟของพนักงาน 

Keith Spencer แนะนำว่าแทนที่จะมุ่งเน้นที่การตรวจสอบ บริษัทควรทำความเข้าใจว่าทำไมพนักงานถึงรู้สึกจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นทำงาน และแก้ไขปัญหาพื้นฐาน เช่น การประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือช่องว่างในการสื่อสาร

การแก้ไขปัญหา Ghostworking 

สร้างความผูกพันให้เกิดขึ้นใหม่: พูดคุยกับพนักงานเป็นประจำ ให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการยอมรับ เปิดใจรับฟังความคิดเห็น และเป้าหมายส่วนตัวของพวกเขา

ชื่นชมและให้รางวัล: การสำรวจส่วนใหญ่ชี้ว่าพนักงานต้องการรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการชื่นชมจากบริษัทมากที่สุด การสร้างโครงการชื่นชมพนักงานจะช่วยให้พวกเขารู้สึกได้รับการยอมรับในความพยายาม

มอบโอกาสเติบโต: พนักงานต้องการเห็นว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาของพวกเขา และพร้อมสนับสนุนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษา และการพัฒนาทักษะ

การแก้ไขปัญหา Ghostworking ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจพนักงานให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ตัดสินจากพฤติกรรมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจ ถึงแรงจูงใจ แยกแยะว่าพนักงานมีพฤติกรรม Ghostworking เพราะความเกียจคร้าน หรือเพราะหมดไฟ หรือหมดกำลังใจในการทำงานกันแน่ 

69% ของพนักงานจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหากนายจ้างติดตามเวลาหน้าจอ แต่การแก้ไขปัญหา Ghostworking ที่แท้จริงคือการสร้างความไว้วางใจ ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

การที่นายจ้างควบคุมพนักงานอย่างเข้มงวด มักจะนำไปสู่พฤติกรรม Ghostworking และเมื่อฝ่ายบริหารรับรู้ถึง Ghostworking ก็จะนำไปสู่การควบคุมที่เข้มงวดขึ้นอีก ซึ่งเป็นการสร้างวงจรที่ทำลายประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งสองฝ่ายจะสามารถยุติวงจรนี้ได้เมื่อให้ความสำคัญกับ "ประสิทธิภาพ" มากกว่าแค่การมองเห็น และมุ่งมั่นที่จะสร้างพนักงานที่มีสุขภาพดี มีผลงาน และมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

ข้อมูล: Forbes

...