ใครที่รู้สึกว่าเส้นทางอาชีพกำลังเผชิญกับความซ้ำซากจำเจและน่าเบื่อ เนื้อหานี้จะนำเสนอ กลยุทธ์เพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจ และ จุดไฟให้กับหน้าที่การงานปัจจุบันอีกครั้ง โดยไม่ต้องโยกย้าย หางานใหม่ หรือรอการเลื่อนตำแหน่งในอนาคต

แน่นอนว่าเราอาจเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานและทำตามหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ แม้งานจะถาโถมเข้ามาก็ไม่เคยเป็นอุปสรรค ทุกการประชุม โครงการ หรือการประเมินผลก็ล้วนอยู่ในความคาดหมาย และทีมงานของคุณก็เปี่ยมด้วยพลังที่มีประสิทธิภาพ

ทว่าภายใต้ภาพลักษณ์อันมั่นคงนี้ ความไม่แน่นอน รวมถึงความรู้สึกเบื่อหน่ายอาจคืบคลานเข้ามา ความรู้สึกเหล่านี้อาจส่งผลให้เรารู้สึกติดขัด ไร้ความท้าทาย ไร้แรงบันดาลใจ และปราศจากก้าวต่อไปที่ชัดเจน

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือ "วิกฤตการณ์ด้านอาชีพ" อีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างออกไป ที่แม้ว่าเราจะทำงานอย่างดีที่สุด ได้เติบโตในหน้าที่การงาน แต่ก็มักจะมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะก้าวไปในทิศทางใด และเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา

หากกำลังประสบปัญหานี้ ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมแนวทางในการรักษาแรงผลักดันและจุดประกายไฟในอาชีพของคุณให้กลับมาอีกครั้ง

1.จากงานประจำ สู่การริเริ่มสิ่งใหม่

เมื่ออยู่ในบทบาทใดบทบาทหนึ่งมานานพอสมควร การทำงานแบบกิจวัตรประจำวันก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ที่สามารถควบคุมงานและทำภารกิจให้เสร็จทันกำหนดเวลาได้อย่างสบายๆ

การคิดริเริ่มโปรเจกต์ใหม่ๆ หรือ แนวทางใหม่ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน ก็เป็นเรื่องที่สามารถปลุกไฟในตัวคุณได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ปฏิวัติรูปแบบการทำงานหรือสิ่งที่ไม่ดีในองค์กรของคุณ ให้ดียิ่งขึ้น
  • วางแผนงานหรือโปรเจกต์ที่น่าสนใจ และผลักดันให้ดียิ่งขึ้น
  • ปรับโครงสร้างทีม แผนก หรือ นำเสนอทางออกให้กับปัญหาที่ยังประสบอยู่

...

ลองเลือกเพียงหนึ่งด้านที่ต้องการปรับปรุง และริเริ่มทำอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการใหม่ วิธีการใหม่ๆ หรือกรอบการทำงานที่ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ได้ นี่คือวิธีที่จะเปลี่ยนจากผู้ที่ "น่าเชื่อถือ" ไปสู่ผู้ที่ "ไม่สามารถแทนที่ได้" โดยไม่ต้องรอให้ใครมามอบตำแหน่งที่สำคัญให้

2. เปลี่ยนความซ้ำซากจำเจ ให้เป็นการมองเห็นเชิงกลยุทธ์

เมื่อบทบาทในอาชีพกลายเป็นเรื่องซ้ำซากจำเจ สิ่งนี้อาจทำให้คนรอบข้างมองไม่เห็นคุณค่าของคุณ

คุณสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกใหม่ๆ ให้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การโปรโมทตัวเอง แต่ผ่านการ มีส่วนร่วมด้วยความรู้ ไม่ว่าจะเป็น

  • เป็นผู้นำในการจัดเซสชันการเรียนรู้สั้นๆ เกี่ยวกับเครื่องมือหรือกระบวนการที่คุณเชี่ยวชาญ
  • บันทึกวิธีการสร้างทีม หรือ แนวทางสู่ความสำเร็จ ที่คุณได้พัฒนาขึ้นและแบ่งปันกับผู้อื่น
  • เป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง

เป้าหมายคือการแสดงให้เห็นว่าคุณยังคงพัฒนา ยังคงเพิ่มมูลค่า และยังคงมีคนอื่นเรียนรู้งานจากตัวคุณ แม้ว่าบทบาทหน้าที่ของคุณจะยังไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม

3. ขยายบทบาทตนเอง โดยไม่เพิ่มภาระ

การทำงานหนักไม่ได้หมายถึงการทำมากขึ้น แต่หมายถึงการ ทำสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่า คุณอาจมองหาโครงการที่สามารถข้ามสายงาน ต่อยอดนำข้อมูลเชิงลึกจากงานที่มีอยู่ไปใช้กับทีมอื่นๆ ในองค์กรได้

การเพิ่มบทบาทตรงนี้ นอกจากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในองค์กรแล้ว ยังเป็นการ เพิ่มการมองเห็น และ พัฒนาทักษะ เพื่อเติบโตต่อไปในอาชีพการงานโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตำแหน่งปัจจุบันของคุณ

4. รวบรวมองค์ความรู้ในอาชีพของคุณ เสนอแนะให้แก่คนในองค์กร

แม้ว่างานที่ทำอยู่อาจจะดูซ้ำซากจำเจ แต่ความรู้และข้อมูลเชิงลึกของคุณไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะกว่าจะทำงานจนคล่องมือ เชื่อว่าคุณมีประสบการณ์มากพอสมควร

การรวบรวมบทเรียนที่ได้เรียนรู้ จากการเป็นผู้นำ หรือเทคนิคทางลัด และรูปแบบความคิดที่ทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น เพื่อแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง เป็นอีกสิ่งที่มีคุณค่าต่อผู้อื่น และเพิ่มคุณค่าให้กับตนเองได้ เพื่อประสิทธิภาพงานที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า

5. พูดคุยกับหัวหน้างานโดยตรง

หากเรารอให้หัวหน้าสังเกตเห็นว่าคุณเบื่อหน่าย บางครั้งอาจใช้เวลานานเกินไป คุณสามารถพูดคุยปัญหานี้ได้ด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็น “ฉันอยากเติบโตต่อไปในระดับที่สูงขึ้น” พร้อมกับแสดงสิ่งที่คุณได้ทำสำเร็จ และสามารถทำได้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางแก้ปัญหานี้ อาจทำให้หัวหน้างานประทับใจ มากกว่าการบ่น แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่และความทะเยอทะยานได้โดยตรง

สุดท้ายไม่ใช่ว่าทุกช่วงเวลาแห่งการเติบโต จะต้องได้รับจดหมายลาออก หรือการลาออกด้วยตนเอง คุณอาจไม่สามารถควบคุมได้ว่าการเลื่อนตำแหน่งครั้งต่อไปจะมาถึงเมื่อใด หรือตำแหน่งงานใดว่าง แต่คุณสามารถควบคุมได้ว่าจะ แสดงศักยภาพนั้นอย่างไร และ พัฒนาตนเองอย่างไร

การเป็นมืออาชีพที่สามารถเพิ่มคุณค่าได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หรือในบทบาทใด และบางครั้ง การเปลี่ยนแปลงอาชีพที่กล้าหาญที่สุดไม่ใช่การลาออก หากแต่เป็นการเลือกที่จะ เป็นผู้นำจากจุดที่คุณอยู่ ณ ปัจจุบัน

สุดท้ายแล้ว การนำความเบื่อหน่าย ซ้ำซากนี้ มาเป็นแรงผลักดัน สร้างประสิทธิภาพให้มากขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งเชื้อไฟที่สามารถปลุกพลังในตัวคุณได้อีกครั้ง

ข้อมูล: Forbes

...