การคบหาดูใจกับคนรักหรือสามีภรรยา นอกจากความรักความเข้าใจกันและกันแล้ว เรื่องการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญที่อาจเป็นตัวแปรในความสัมพันธ์ได้ในหลายๆ คู่ ดังนั้นการเปิดใจเพื่อพูดคุยเรื่องเงินจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อให้มีความรักที่ยั่งยืน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จัดกิจกรรม fintalk EP.2 “รัก...ต้องคุย เงิน...ต้องเคลียร์” ชวนดีเจคนดัง พี่อ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล และ คุณแก๊ปเปอร์-ทัตพล เมธีวิริยาภรณ์ เจ้าของสถาบัน MoneyStudio.co มาให้ความรู้ พร้อมแชร์ประสบการณ์เรื่องเงินและความรักอย่างเป็นกันเอง ปิดท้ายด้วยกิจกรรมทำแบบทดสอบตรวจสุขภาพใจและเงิน เช็กระดับความเข้าใจและการจัดการเงิน เพื่อเสริมสร้างให้พนักงานมีความพร้อมทางการเงินและจิตใจ

ดีเจพี่อ้อยมองว่า เงินเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความรักและความสัมพันธ์เกิดปัญหา มีคู่รักมากมายที่ไปต่อไม่ได้เพราะเงิน โดยปัญหาส่วนใหญ่มาจากเรื่องการสื่อสาร เช่น บางคู่ตอนคบกันไม่บอกว่ามีหนี้สิน มารู้อีกทีหลังแต่งงาน อาจถูกมองว่าโกหก ความไว้วางใจถูกทำลาย ซึ่งเรียกกลับคืนได้ยาก ดังนั้น ต้องเปิดใจคุยกันเรื่องเงินตั้งแต่แรก แต่คนส่วนใหญ่ยังติดว่าต้องเป็นการพูดอย่างเดียวทั้งที่เป็นแค่ 20% ของการสื่อสารเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของภาษากาย ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจได้หมด

ดีเจพี่อ้อย
ดีเจพี่อ้อย

...

“ในช่วงคบกันนอกจากเรียนรู้ใจ เรายังต้องเรียนรู้เรื่องเงินด้วย ไม่ใช่ดูว่าจำนวนเงินในบัญชีมีมากหรือน้อย แต่ให้สังเกตการใช้ชีวิต วิธีการใช้เงินและวิธีหาเงิน รวมถึงทักษะในการหาเงินเพิ่มนอกเหนือจากอาชีพที่ทำอยู่ โดยเราไม่จำเป็นต้องสร้างโจทย์ลองใจ เพราะฟ้าจะส่งโจทย์ใหม่มาให้เราทุกวัน และความจริงใจก็ดูไม่ได้ในวันเดียว ซึ่งวิถีแห่งการใช้เงินก็เช่นกัน”

จากการสำรวจพบว่าปัญหาหลักๆ ของเงินกับความรักมักจะมี 7 เรื่อง ดังนี้

  1. ไม่กล้าคุยเรื่องเงินตั้งแต่แรก
  2. มี “ความเชื่อ” เรื่องเงินไม่ตรงกัน
  3. ไม่เคยวางแผนการเงินร่วมกัน
  4. แบ่งภาระไม่เท่าเทียม
  5. ปิดบังเรื่องเงิน
  6. ความหวังว่าอีกฝ่ายต้องเลี้ยงดู
  7. รักเพราะเงิน ทะเลาะเพราะเงิน

ซึ่งปัญหาไม่กล้าคุยเรื่องเงินตั้งแต่แรกมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่แนวโน้มของรักเพราะเงินหรือทะเลาะเพราะเงินกำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องคุยและเคลียร์ปัญหาควรจะเรียนรู้ และเข้าใจนิสัยการเงินกันก่อน เพราะแต่ละคนมีค่านิยม ทัศนคติ และนิสัยที่แตกต่างกันในเรื่องการจัดการเงิน บางคนถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่สอนเรื่องการออมเงิน ในขณะที่บางคนไม่เคยออมเงินเลย โดยนิสัยการเงินหลัก ๆ แบ่งเป็น 4 แบบ ได้แก่

  • Saver “รักความมั่นคง” รู้สึกปลอดภัย เมื่อมีเงินเก็บ สังเกตได้ว่าเป็นคนที่ชอบเปรียบเทียบ ตั้งงบประมาณการใช้เงินชัดเจน อีกทั้งมีความกังวลกับเป้าหมายเรื่องเงิน
  • Planner “ใช้ตามแผน มองไกล” ใช้เงินตามเป้าหมาย มองทั้งวันนี้และอนาคต พฤติกรรมเด่น เช่น ตั้งเป้าหมายทางการเงินชัดเจน ชอบจดรายรับรายจ่ายเป็นนิสัย และแบ่งเงินออม-ลงทุน-ใช้จ่าย ไว้ชัดเจน
  • Spender “ใช้ก่อนคิดทีหลัง รู้สึกดีกับการได้ซื้อของ” พฤติกรรมในการใช้เงิน เช่น เห็นโปรแล้วอดใจไม่ได้มักจ่ายด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล และเก็บเงินไม่ค่อยอยู่
  • Avoider “ไม่อยากยุ่งกับเงินเลย” เป็นคนที่ไม่อยากคิดเรื่องเงิน รู้สึกไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่กล้าสู้ นิสัยไม่ชอบเช็กเงินตัวเอง เลี่ยงการพูดเรื่องเงินกับคนอื่น และไม่มีงบการเงินส่วนตัวที่ชัดเจน

เพราะการคุยเรื่องเงินอาจกระทบถึง “ใจ” ทำให้หลายคนเลือกที่จะเลี่ยงไปก่อนเพื่อความสบายใจแต่รู้หรือไม่? การไม่คุยเรื่องเงินกันอย่างจริงใจ อาจกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ต้องเลิกรากันในอนาคต อย่างไรก็ตาม การคุยเรื่องเงินนั้นต้องมีเทคนิค ซึ่งแนะนำให้เริ่มต้นตาม 5 Steps การสื่อสารกับคนรักเรื่องเงิน ดังนี้

1. ตั้งใจคุย

ไม่ใช่ตั้งใจเคลียร์ ต้องเข้าใจว่าหวังดีบางทีเท่ากับกดดัน การคุยอาจเริ่มด้วยการตั้งโทนให้บวกและอยากร่วมมือกัน เช่น เรามีเรื่องอยากชวนคุยเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น หรือ ไม่ได้จะหาคนผิด แต่อยากหาทางทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ดีขึ้น นำเสนอโดยให้สิทธิในการตัดสินใจกับอีกฝ่ายด้วย

2. เข้าใจ

เข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของกันและกัน เพราะแต่ละคนเติบโตมาแตกต่างกัน และชอบไม่เหมือนกัน อีกทั้งมีไม้บรรทัดของตัวเอง จึงต้องเคารพความต่าง ห้ามประชดประชัน ใช้วิธีพูดคุยกันแบบไม่จริงจัง อย่าประชดกัน หรือแชร์ประสบการณ์ก็ได้ เช่น โตมากับความเชื่อเรื่องเงินแบบไหน

3. ปลอดภัย 

...

เปิดเผยสถานะทางการเงินอย่างปลอดภัย คุยแบบมีกรอบ ไม่บังคับ แต่อยากรู้ เช่น มีรายได้จากอะไรบ้าง ภาระหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ หรือ รายจ่ายประจำที่สำคัญมีอะไร รวมถึงเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนคืออะไร พร้อมซัปพอร์ตซึ่งกันและกัน แต่ไม่ใช่ซัปพอร์ตจนไม่เหลือทรัพย์สินให้ตัวเอง

4. หาจุดร่วม

ถาม-ตอบ เปิดโอกาสให้พูดได้ทุกคน เพื่อหาจุดร่วมหรือปลายทางร่วมกัน เลือกหัวข้อที่จะคุยแล้วช่วยกันหาคำตอบ เช่น อยากบริหารเงินแบบไหน หรือจะแบ่งค่าใช้จ่ายกันยังไง และถ้าใครเดือดร้อน จะช่วยกันยังไง นอกจากนี้จะวางแผนอนาคตร่วมกันยังไง

5. ตกลงแผน

สรุปและตกลงแผนร่วมกัน เช่น เราจะมีงบประมาณคู่ หรือมีเป้าหมายอะไรร่วมกันบ้าง จะนัดคุยเรื่องเงินกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ถ้ามีเรื่องขัดแย้งเรื่องเงินจะหยุดพักยังไงไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องยอมรับว่าปัญหาในโลกมีสองแบบคือปัญหาที่ต้องแก้กับแค่ยอมรับ ซึ่งสิ่งสำคัญต้องฟังกัน

ดีเจพี่อ้อยทิ้งท้ายว่า “การสื่อสารสำคัญที่สุด การเงียบไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่การคุยกันก็ไม่สำคัญเท่าต้องฟังกัน เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดด้วย และหากทะเลาะกันดูให้ชัดว่าเป็นเรื่องของหัวหรือใจ อย่าให้ไปกระทบใจคือ ความรู้สึกก่อนหัว เพราะเงินเป็นเรื่องของหัวที่ต้องมีเหตุผลและใช้วางแผน เราต้องเก็บเงินเอาไว้ดี ๆ เพราะทุกสิ่งเดินหน้าด้วยเงิน เริ่มง่าย ๆ จากฝันให้ใกล้และไปให้ได้ก่อน ต้องมีเป้าหมายระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป สะสมหนี้น้อยลงเพื่อให้มีก้าวต่อไป”