เมื่อถึงคราวเปิดภาคเรียนใหม่ ความรู้สึกประหม่าหรือไม่คุ้นชินอาจเกิดขึ้นในจิตใจของบุตรหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ ครูผู้สอนใหม่ หรือเนื้อหาวิชาที่ท้าทายยิ่งขึ้น ความรู้สึกดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความกังวลและลดทอนความกระตือรือร้นในการเข้าหาสิ่งใหม่ให้แก่เด็กๆ ได้
บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการประคับประคองให้บุตรหลานก้าวข้ามช่วงเวลานี้ไปได้ คือ พ่อ และแม่ ผู้เป็นรากฐานแห่งความรักและความอบอุ่น
โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการเปิดภาคเรียนที่บุตรหลานต้องปรับตัว ผู้ปกครองจึงควรเป็นบุคคลที่บุตรหลานสามารถวางใจและปรึกษาปัญหาต่างๆ ได้อย่างเปิดเผย
ข้อมูลจากกรมอนามัย กล่าวถึงข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ เพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่คุ้นเคยเมื่อบุตรหลานต้องเริ่มต้นภาคเรียนใหม่ มีดังนี้
เสริมสร้างทักษะการฟังอย่างตั้งใจ: ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการรับฟังสิ่งที่บุตรหลานถ่ายทอดอย่างละเอียด โดยไม่ด่วนตัดสินหรือแทรกแซงบทสนทนาก่อนที่บุตรหลานจะสื่อสารจนครบถ้วน
สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการสื่อสาร: ควรสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่บุตรหลานรู้สึกผ่อนคลาย เป็นกันเอง และมีความมั่นใจที่จะสนทนากับพ่อและแม่ได้ในทุกประเด็น
ดำรงความมั่นคงทางอารมณ์: ผู้ปกครองควรแสดงออกถึงความหนักแน่นทางอารมณ์ เพื่อให้บุตรหลานรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นว่าจะมีผู้พร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก
ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคมผ่านการเล่น: ฝึกฝนให้บุตรหลานได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับญาติสนิทหรือเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมในโรงเรียน
จัดสรรเวลาเพื่อการสื่อสาร: ผู้ปกครองควรจัดสรรช่วงเวลาที่เหมาะสมในแต่ละวัน เช่น หลังมื้ออาหารเย็น เพื่อเปิดโอกาสให้บุตรหลานได้เล่าถึงประสบการณ์ที่โรงเรียน อันจะช่วยให้บุตรหลานรู้สึกผ่อนคลายและสามารถร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
...
กระบวนการปรับตัวของเด็กแต่ละบุคคลอาจใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วบุตรหลานจะสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ภายหลังการเปิดภาคเรียน การให้กำลังใจและความเข้าใจอย่างต่อเนื่องจากผู้ปกครองจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้บุตรหลานเติบโตและเรียนรู้อย่างมีความสุข
ข้อมูล : กรมอนามัย