ผลกระทบจากอากาศร้อนนอกจากทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยได้แล้วยังทำให้รู้สึกไม่สบายตัว จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงอีกด้วย

ยูนิโคล่ทำการสำรวจความคิดเห็นจากผู้คนมากกว่า 7,000 คนจาก 7 เมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ลอนดอน, ปารีส, นิวยอร์ก, เซี่ยงไฮ้, โซล, โตเกียว และกรุงเทพฯ ที่ต้องเดินทางไปทำงานโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

จากแบบสอบถามดังกล่าว คนกลุ่มนี้ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นต่างๆ 20 ประเด็น ซึ่งประกอบไปด้วย เรื่องผลกระทบของสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และภาพลักษณ์, ความรู้สึกไม่สบายตัวที่เกิดจากเหงื่อ, สิ่งที่ผู้คนให้ความใส่ใจเมื่อต้องแต่งตัวสำหรับการเดินทาง และปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกซื้อชุดชั้นในหรือเสื้อซับใน รวมถึงความถี่ในการสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้

ความร้อนคืออุปสรรคหลักในการใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ

  • คนกรุงเทพฯ 82% ที่ร่วมตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขามักกังวลเมื่อรู้สึกเหนียวตัวและอึดอัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่
  • ราว 80% ระบุว่าพวกเขาเผชิญผลกระทบเชิงลบที่เกี่ยวกับความร้อนในปัจจุบันมากกว่าที่เคยเป็น (เช่น ปวดหัว อ่อนเพลีย มีอาการชา หรือนอนได้ไม่ต่อเนื่อง) ยิ่งไปกว่านั้น
  • ผู้คนราว 50% เผยว่าพวกเขาจะหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดีถ้าร้อนจนเหงื่อตกระหว่างเดินทาง รวมทั้งเสื้อผ้าก็มักส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานด้วย
  • คนกรุงเทพฯ ราว 42% ยอมรับว่าเวลาอึดอัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ คุณภาพงานของพวกเขาจะลดลง

...

ส่วนภาพรวมผลสำรวจจากผู้คนทั้ง 7 เมืองใหญ่ทั่วโลก พบว่า

  • 86% สังเกตว่าสภาพอากาศในเมืองนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย
  • 2 ใน 3 ของทั้งหมด รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตให้รู้สึกสบายตลอดทั้งวัน
  • 56% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุระหว่าง 25 – 34 ปี ตัดสินใจเปลี่ยนแผนหรือยกเลิกนัดเนื่องจากความไม่สบายตัวจากเหงื่อ

ผลสำรวจดังกล่าวพบว่าเนื้อผ้าที่เบาสบาย สามารถระบายอากาศได้ดี สามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

  • 64% บอกว่าการสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถช่วยระบายเหงื่อ ทำให้ลดความกังวลลงได้
  • 59% ให้ความสำคัญกับเนื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
  • 55% ของคนกลุ่มนี้ยังให้ความสำคัญกับความเบาสบาย
  • 48% เน้นเลือกเนื้อผ้าที่น้ำหนักเบาเป็นหลัก

ผู้ตอบแบบสอบถามยังให้ความสนใจในเรื่องเสื้อผ้าชิ้นสำคัญที่ต้องมีติดตู้ไว้เสมอ (Capsule Wardrobes) เป็นเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ตลอดปีแทนที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนใหม่ตามฤดูกาล 

ขณะเดียวกัน ยังพบว่าการแต่งกายมีผลกระทบสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน

  • 45% เชื่อว่าการแต่งกายอย่างเป็นทางการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • 56% รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในที่ทำงานเมื่อแต่งกายอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ คำจำกัดความของ "ชุดทำงาน" กำลังเปลี่ยนแปลงไป การแต่งกายอย่างเป็นทางการยังคงมีความสำคัญ แต่เป็นแนวคิดของ "ชุดที่เสริมความมั่นใจ (Power Suit)" ที่มุ่งเน้นการผสมผสานการใช้งานได้จริงเข้ากับสไตล์ โดยองค์ประกอบสำคัญได้แก่

  • 63% ตอบว่าสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีขึ้นเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ
  • 35% เลือกดีไซน์คลาสสิกแทนแฟชั่นตามเทรนด์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากเสื้อผ้าของตนเอง
  • เลือกเสื้อผ้าที่สามารถนำมาเลเยอร์เพื่อเพิ่มความอบอุ่นได้ง่ายเมื่อต้องการ
  • แม้สภาพอากาศจะคาดเดาไม่ได้ แต่การเพิ่มสีสันที่ชอบหรือเนื้อผ้าที่น่าสนใจจะช่วยเสริมสร้างอารมณ์ดีและนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการแต่งกายที่เป็นของตัวเอง

ผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คนไม่ได้เพียงแค่ซื้อของอย่างมีสติมากขึ้น แต่ต้องการให้เสื้อผ้าของพวกเขาช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายจากสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้และสภาพแวดล้อมในเมืองได้ดียิ่งขึ้น