ชาวมอแกน กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลแห่งท้องทะเลอันดามัน กลายเป็นที่รู้จักและพูดถึงอีกครั้งจากการที่ ทราย สก็อต นักอนุรักษ์รุ่นใหม่ ตั้งคำถามถึงสิทธิของคนกลุ่มนี้ จนเกิดกระแสดราม่าในสังคม
ข้อมูลจากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สำนักงานที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ยูเนสโก โครงการนำร่องอันดามัน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าชาวมอแกนคือหนึ่งในกลุ่มชาวเล ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หรือชนเผ่าที่มีภาษาและวัฒนธรรมเฉพาะของตนเองอันแตกต่างไปจากคนไทย ที่ยังรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้มากที่สุด โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในเรือที่เป็นทั้งบ้านและยานพาหนะที่นำไปสู่เกาะใหญ่น้อยอันเขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ในแถบทะเลอันดามัน
ในไทยจะพบชาวมอแกนได้ที่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา เกาะเหลา เกาะพยาม และเกาะสินไห จังหวัดระนอง และที่บ้านราไวย์ จังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีชาวเลมอแกนอาศัยอยู่ตามเกาะใหญ่น้อยในหมู่เกาะมะริดของพม่าอีกจำนวนมาก บางกลุ่มเริ่มตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร แต่ก็ยังมีพวกที่ใช้ชีวิตในเรือและเดินทางไปมาระหว่างเกาะต่างๆ
...
ชาวมอแกนมีวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับฤดูกาลจากอิทธิพลของลมมรสุม กล่าวคือในช่วงมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อทะเลเรียบและอากาศดี มอแกนจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเรือ เดินทางไปไกลๆ เพื่อจับปลาและงมหอย แต่ในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มอแกนจะมารวมกลุ่มกันสร้างกระท่อมชั่วคราว เพื่อเป็นที่พักพิงในระหว่างที่ทะเลมีคลื่นลมจัด
ในปัจจุบันชาวมอแกนส่วนใหญ่ที่เกาะสุรินทร์จะตั้งหลักปักฐานอยู่บริเวณชายหาดที่มีอ่าวกำบังคลื่นลม ปลอดภัยในการจอดเรือ และมีแหล่งน้ำจืดสำหรับการบริโภค
ชาวมอแกนงมหอย ตกปลา จับปู เม่นทะเลและสัตว์ทะเลต่างๆ เป็นอาหาร พวกเขาจะใช้เครื่องมือจับปลาที่สร้างขึ้นมาแบบง่ายๆ ด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น อาทิเช่น ฉมวกสามง่ามด้ามไม้ไผ่ แห เป็นต้น รวมทั้งเรือแจวเล็ก (ฉ่าปัน) ที่นำมาใช้ประโยชน์สำหรับการเดินทางหากินบริเวณพื้นที่ของอ่าวและชายฝั่งรอบเกาะ ส่วนในฤดูฝน ป่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหัวมัน หน่อไม้ และพืชกินได้อื่นๆ
วิถีชีวิตของชาวมอแกนจึงพึ่งพาทรัพยากรทั้งชายฝั่งทะเลและป่าดิบชื้น นอกจากการทำมาหากินเพื่อยังชีพแล้ว ในสมัยก่อนมอแกนยังคุ้นเคยกับการเก็บปลิงทะเล รังนก หอยมุกและเปลือกหอยสวยงามเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้าวสารอาหารและสิ่งจำเป็นอื่นๆ กับพ่อค้าคนกลาง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันข้อกำหนดต่างๆ ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ทำให้การทำมาหากินของชาวมอแกนมีข้อจำกัดลง แต่อุทยานฯ ก็พยายามให้ความช่วยเหลือมอแกนในด้านต่างๆ นับตั้งแต่การจ้างงาน การจัดตั้งกองทุนมอแกน การแบ่งอาหารให้ การรักษาพยาบาลในยามฉุกเฉิน ฯลฯ
ด้านเพจ IMN เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง เผยว่าวิถีชีวิตเร่ร่อนของชาวมอแกนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลังจากเหตุการณ์สึนามิ พ.ศ. 2547 พวกเขาถูกบังคับให้ตั้งรกรากบนฝั่งและเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนที่ดินและทรัพยากร ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมค่อยๆ ลดน้อยลง และการปรับตัวเข้ากับสังคมส่วนใหญ่เป็นไปอย่างยากลำบาก