หลังจากเที่ยวสงกรานต์แบบสนุกสุดเหวี่ยง เชื่อว่าการเงินของใครหลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยสู้ดีนักทั้งค่าเที่ยว ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากินและอีกมากมาย ช่วงโค้งสุดท้ายปลายเดือนอยากชวนคนตั้งสติ เช็กลิสต์การเงิน ก่อนสิ้นเดือน และเริ่มเดือนใหม่ที่จะถึงนี้

สงกรานต์ผ่านไปไวเหมือนโกหก เสียงหัวเราะ และความสนุกสุดเหวี่ยงยังติดอยู่ในใจ แต่ที่อาจจะติดลบไปบ้างก็คือเงินในกระเป๋าตังค์หรือในแอปฯ ธนาคารนั่นเอง

เชื่อว่าหลายคนเพิ่งกลับมาจากทริปสุดมันส์ หรือปาร์ตี้ฉลองกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ตามมาทั้งค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าที่พัก ค่าช้อปปิ้ง ค่าของฝาก

ชวนเช็กสภาพคล่องทางการเงิน ก่อนเดือนหน้ากำลังจะมาถึงทั้งที่บิลต่างๆ ที่เรียงคิวมาทักทายปลายเดือนเมษายนนี้

สงกรานต์จบ เก็บเงินต่อ ชวนเช็กลิสต์เพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน

1.การถอดบทเรียนจากค่าความสุข เพื่อช่วยวิเคราะห์การใช้จ่ายช่วงหยุดยาว

ชวนทุกคนจดบันทึกด้วยการเปิดแอปฯ และดูสลิปย้อนหลัง ไม่ใช่เพื่อเรียนรู้ ว่าหมวดไหนใช้เงินเยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง กินดื่ม ช้อปปิ้ง และมีค่าใช้จ่ายอะไรสิ้นเปลืองไปบ้าง

เพราะการเรียนรู้พฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง คือกุญแจสำคัญในการอุดรอยรั่ว และวางแผนออมในอนาคตได้อย่างตรงจุด และสงกรานต์หรือวันหยุดยาวในภายภาคหน้าจะไม่ใช้จ่ายแบบเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง

2. สำรวจเงินเก็บ เช็กยอดเงินคงเหลือทุกบัญชีที่มี

อัปเดตยอดเงินที่ใช้ได้จริงทั้งหมดในบัญชีออมทรัพย์, บัญชีเงินเดือน, E-wallet ต่างๆ หักลบยอดบัตรเครดิตที่ใช้ไป หรือหนี้สินอื่นๆ  เพื่อใช้วางแผนจัดสรรปันส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้เงินเกินตัวในช่วงที่เหลือหลังจากนี้

...

3. ปักหมุดรายจ่ายจำเป็น ทั้งลิสต์บิล & ค่าใช้จ่ายคงที่ที่กำลังเข้ามา

รวบรวมรายการค่าใช้จ่ายที่หนีไม่ได้ และต้องจ่ายแน่ๆ ในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ และต้นเดือนหน้า เช่น ค่าเช่า, ค่าน้ำไฟ, ค่าโทรศัพท์, ค่าผ่อน, Subscription ต่างๆ พร้อมยอดเงินโดยประมาณ เพื่อการวางแผน สามารถกันเงินส่วนนี้ไว้ก่อน และจะได้รู้ว่าเหลือเงินที่ยืดหยุ่นได้จริงๆ เท่าไหร่ และไม่เผลอเอาเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายอย่างอื่น

4. ประเมินเงินที่เหลือเพื่อศักยภาพในการออม

นำเอายอดเงินคงเหลือ และรายจ่ายจำเป็น มารวบรวมไว้เพื่อให้ตัวเราเองได้เห็นตัวเลขภาระนี้ชัดๆ เพื่อที่จะช่วยให้รู้ว่าเรามี ช่องว่างเหลือในการเก็บออมได้มากน้อยแค่ไหน หรือต้องปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนไหนเพิ่มขึ้น

5.ลงมือปรับลด-ตั้งเป้าออมรายวัน/สัปดาห์

หลังจากรับรู้ยอดค่าใช้จ่าย และเงินคงเหลือทั้งหมดให้ลอง ท้าทายตัวเองเรื่องของการออมเงิน เพื่อเพิ่มเงินจากส่วนที่เหลือได้มากน้อยเท่าไหร่ เช่น ตั้งเป้าลดค่ากาแฟ ชานม หรือขนมลงได้กี่บาท ต่อวัน รวมถึงการทำอาหารกินเองเพิ่มขึ้น หรืองดช้อปปิ้งออนไลน์ที่ไม่จำเป็น

ทั้งหมดเพื่อสร้างนิสัยการออมเล็กๆ น้อยๆ ให้เกิดขึ้นจริง และเห็นผลทันที แถมยังเป็นการช่วยเพิ่มกำลังใจว่าเงินยังคงเหลือให้ใช้อยู่ไปจนถึงสิ้นเดือน

6. ตั้งเป้าหมายออมที่ชัดเจนขึ้น

หลังสงกรานต์มานี้ ดูจากประสบการณ์การใช้เงินทั้งหมด ให้เปลี่ยนเป็นการตั้งเป้าหมายระยะยาวขึ้น หาจุดมุ่งหมายในการออมเงิน และลองกำหนดตัวเลขเป้าหมายที่ชัดเจน และวางแผนว่าจะเก็บออมอย่างไรให้ถึงเป้า เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อน เปลี่ยนนิสัยการเก็บเงินที่ดีที่สุดในการออมเงินอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งหมดนี้ เพื่อช่วยให้การกลับมาเช็กการใช้เงินหลังหยุดยาว และปรับจูนการเงิน ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่คือการอัปเกรดตัวเองให้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น เริ่มต้นวันนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงและความสบายใจในวันหน้า