สมรสเท่าเทียม (ภาษาอังกฤษ : Marriage Equality) ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความรักระหว่างบุคคล แต่ยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าของสังคมที่ให้คุณค่าแก่ความเสมอภาคของความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันมีหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่ให้การรับรองกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยตระหนักว่าไม่ว่าจะมีเพศสภาพ เพศวิถี และอัตลักษณ์ทางเพศแบบใด ก็มีสิทธิ์ในการสร้างครอบครัวที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมได้

สรุปข้อมูล "สมรสเท่าเทียม" ล่าสุด 2568 คืออะไร 

สมรสเท่าเทียม คือ การสมรสของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่จำกัดเฉพาะชายและหญิงเท่านั้น มีการปรับรายละเอียดจากคำว่า "ชาย-หญิง" เป็นคำว่า "บุคคล" และ "คู่สมรส" ซึ่งมีความหมายที่ครอบคลุมทุกเพศสภาพมากกว่า โดยมีสิทธิในการหมั้น จดทะเบียนสมรส จัดการทรัพย์สินคู่สมรส รับมรดก รับบุตรบุญธรรม รวมถึงสิทธิประโยชน์จากสวัสดิการรํฐในฐานะคู่สมรสทุกประการ ตามหลักของความเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

...

สมรสเท่าเทียม เริ่มบังคับใช้ได้เมื่อไหร่

กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการมอบสิทธิให้กับทุกเพศสภาพสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมาย

คุณสมบัติของผู้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

1. บุคคลทั้งสองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ กรณีผู้เยาว์ต้องนำบิดา-มารดา หรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย (หากอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับอนุญาตจากศาล)
2. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา
3. ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ
4. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น
5. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
6. หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อสิ้นสุดการสมรสไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่

  • คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
  • สมรสกับคู่สมรสเดิม
  • ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้
  • มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
  • บุคคลที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจอนุญาตให้สมรสได้

เอกสารสำหรับใช้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม 2568

1. บัตรประจำตัวประชน (บัตรอื่นที่หน่วยงานราชการออกให้)
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาหนังสือเดินทาง (กรณีชาวต่างชาติ)
3. หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต, สถานกงสุล หรือองค์การของรัฐบาลประเทศนั้น มอบหมาย พร้อมแปล (กรณีชาวต่างชาติขอจดทะเบียนสมรส)

ทั้งนี้ สามารถไปจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมได้ที่ สำนักทะเบียนอำเภอ  สำนักทะเบียนเขต และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ

สมรสเท่าเทียมได้สิทธิอะไรบ้าง

  • สิทธิการสมรสและการหมั้น
  • สิทธิการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
  • สิทธิการจัดการทรัพย์สินและหนี้สิน
  • สิทธิการคุ้มครองและการดูแลจากรัฐ
  • สิทธิจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส
  • สิทธิการรับบุตรบุญธรรม
  • สิทธิการให้ความยินยอมต่อการรักษาพยาบาล
  • สิทธิเป็นผู้จัดการแทนในทางอาญาเช่นเดียวกับคู่สมรส
  • สิทธิในการรับมรดกเมื่ออีกฝ่ายเสียชีวิต
  • สิทธิการรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม
  • สิทธิประโยชน์การเบิกจ่ายสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส
  • สิทธิอื่นๆ ทางกฎหมายที่รับรองสิทธิของคู่สมรส

อ้างอิงข้อมูล : หอสมุดรัฐสภาแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

...