วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี คือ วันสตรีสากล ซึ่งมีรากฐานมาจาก "วันแรงงานสตรีสากล" ที่ผู้หญิงลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะในด้านแรงงาน วันนี้จึงเป็นวันสำคัญที่เราเฉลิมฉลองและตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิสตรี เพื่อมุ่งสู่ความเท่าเทียมกันในทุกมิติ

ความเป็นมาของวันสตรีสากล

ย้อนกลับไปในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ผู้หญิงที่ก้าวออกจากบ้านเพื่อทำงานในโรงงานต้องเผชิญกับการกดขี่มากมาย ทั้งค่าแรงที่ต่ำกว่า สวัสดิการที่ไม่เป็นธรรม การถูกคุกคามทางเพศ และการถูกเลิกจ้างเมื่อตั้งครรภ์

เหตุการณ์สำคัญที่จุดประกายการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี คือ โศกนาฏกรรมไฟไหม้โรงงานทอผ้าในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1857 ซึ่งคร่าชีวิตแรงงานหญิงไปถึง 119 คน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเธอออกมาชุมนุมเรียกร้องค่าแรงที่เป็นธรรม ต่อมาในปี ค.ศ. 1907 แรงงานหญิงในโรงงานทอผ้าก็ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การลดชั่วโมงการทำงาน วันหยุด และประกันสังคม

คลาร่า เซทคิน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง คือบุคคลสำคัญที่ผลักดันให้เกิดวันสตรีสากล เธอได้เสนอให้วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล เพื่อระลึกถึงการต่อสู้ของผู้หญิง และเรียกร้องความเท่าเทียมกันในสังคม

วันสตรีสากลในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มจัดงานวันสตรีสากลครั้งแรกในปี พ.ศ. 2532 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวันสตรีสากล และผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายแรงงานเพื่อคุ้มครองสิทธิสตรี

ในวันสตรีสากลของทุกปี จะมีการมอบรางวัลให้แก่สตรีที่สร้างคุณูปการให้แก่สังคมในสาขาอาชีพต่างๆ

ดอกมิโมซ่าสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันสตรีสากล ซึ่งเป็นตัวแทนของความอ่อนโยนแต่แข็งแกร่งของผู้หญิง

...