บุลการี (BVLGARI) แบรนด์อัญมณีชั้นสูงจากอิตาลี เปิดตัวบูติกดีไซน์คอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งเป็นดูเพล็กซ์ (Duplex)แห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากกรุงโรมสมัยใหม่ โดยงานนี้มี ใหม่ – ดาวิกา, มาย - ภาคภูมิ, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, พรีม - ชนิกานต์ และ ฟรีน – สโรชา ร่วมชมความงดงามและเฉลิมฉลองปีแห่งเซอร์เพนติ ณ บุลการีบูติก ชั้น M สยามพารากอน พร้อมกันนั้นยังเปิดตัวป๊อปอัพสโตร์แห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ชั้น M สยามพารากอนเช่นเดียวกัน

ความพิเศษของบูติกสโตร์ บุลการี (BVLGARI) ที่สยามพารากอนนี้ นอกจากเป็นสาขาแรกที่เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ยังเป็นบูติกเดียวที่ได้รับการรีโนเวทในคอนเซ็ปต์ใหม่ และเป็นบุลการีบูติกดูเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยขนาดพื้นที่ทั้งหมด 489 ตารางเมตร ซึ่งเป็น Flagship store ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ของบุลการีครบทุกคอลเลกชัน โดยเฉพาะอัญมณีชั้นสูง

...

สำหรับการรีโนเวทครั้งนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากกรุงโรม และช็อปแรกของบุลการีที่ Via dei Condotti แนวคิดด้านการออกแบบของบุลการี คือ วิสัยทัศน์ของกรุงโรมสมัยใหม่ ความยิ่งใหญ่และสง่างามของกรุงโรม เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของบุลการีเสมอมา 

สัญลักษณ์ของบุลการีถูกผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการออกแบบบูติกแห่งนี้ โดยส่วนหน้าของบูติกทั้งสองชั้นได้รับแรงบันดาลใจจากทูโบกาส (Tubogas) อันเป็นสัญลักษณ์ของบุลการี โดยคำว่า "Tubogas" แปลตรงตัวว่า "ท่อของก๊าซ" และด้วยเทคนิคอันเก่าแก่ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับ ทำให้เกิดการเชื่อมโลหะอันมีค่าที่มีความยืดหยุ่นสองเส้นเข้าด้วยกันอย่างเชี่ยวชาญโดยไร้การหลอมเชื่อมใดๆ นับตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนถึงปัจจุบัน ทูโบกาส คือสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ โดดเด่น และเหนือกาลเวลาของบุลการี ซึ่งผสมผสานระหว่างอดีตและอนาคตเข้าด้วยกัน 

บูติกบุลการีแห่งนี้มีทางเข้าทั้งสองชั้น ตกแต่งด้วยกรอบขนาดใหญ่ที่มีความสมมาตร ทำจากหินทราเวอร์ทิโน่ นาโวนา (Travertino Navona) ซึ่งเป็นหินที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมโรมัน และมีรูปทรงเดียวกับกรอบประตูของบูติกแฟลกชิปสโตร์แห่งประวัติศาสตร์ ณ ถนนเวีย เดย์ คอนโดตติ (Via dei Condotti) 

...

สัญลักษณ์ดาวแปดแฉกคอนโดตติ (Condotti) บริเวณทางเข้า รังสรรค์จากทองเหลืองที่ฝังลงบนพื้นหินอ่อนคาลเดีย (Caldia) สื่อถึงความสมดุล ความกลมกลืน และลำดับของจักรวาล โดยเส้นทั้งแปดมีความหมายเชื่อมโยงกับสี่ทิศหลัก (เหนือ, ใต้, ตะวันออก, ตะวันตก) และเวลา (สองวันอันยาวนานที่สุดของปีและสองวันที่ระยะเวลาเท่ากันของฤดูกาล) 

การจัดวางพื้นที่ในบูติกชั้นล่างถูกออกแบบเป็นจตุรัส (piazza) ทรงกลม ที่เป็นจุดศูนย์กลางในโซนทางเข้า ซึ่งนำไปสู่การสำรวจพื้นที่อื่นๆ ภายในบูติก เหมือนกับที่กรุงโรมเผยสิ่งมหัศจรรย์อันเหนือความคาดหมายแก่ผู้มาเยือน การเยี่ยมชมบูติกจึงเปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อชมผลงานอันน่าตื่นตาที่รังสรรค์โดยบุลการี

...

มีทราเวอร์ทีน (Travertine) คือหินสัญลักษณ์ในยุคโรมัน ที่ช่วยมอบความสว่างไสว รวมทั้งความหนักแน่นให้กับการตกแต่งและเสาภายในบูติก จึงกลายเป็นหนึ่งในเฉดสีที่บุลการีใช้เป็นสัญลักษณ์ของความประณีตและหรูหรา ในส่วนของจตุรัสตกแต่งด้วยเสา 8 ต้นสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของกรุงโรม ซึ่งยังคงมีความสำคัญและความสวยงามตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบัน 

หนึ่งในจุดเด่นของบูติกคือเคาน์เตอร์ที่ไม่มีจุดสิ้นสุดตรงใจกลางจตุรัส ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเซอร์เพนเต (Serpente) ซึ่งสื่อถึงการเคลื่อนไหวและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบุลการี ที่ยังคงยืนหยัดกับรากฐานของแบรนด์ แต่ยังพัฒนาและคงความร่วมสมัยอยู่เสมอ เปรียบดั่งการเติบโตของงูที่ลอกคราบเพื่อการเปลี่ยนแปลง

...

นอกจากนี้แสงสีทองอันมหัศจรรย์ของกรุงโรมเป็นแรงบันดาลใจที่สะท้อนถึงความทรงพลังและเป็นแหล่งของความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งแสงอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงโรมได้อยู่เคียงข้างและเป็นส่วนหนึ่งของบุลการีตลอดมา ตรงจตุรัสกลางบูติกตกแต่งด้วยฉากตาข่าย 4 ชิ้น พร้อมตู้โชว์แบบ 2 ด้าน ซึ่งนำพาความงามและความตระการตาของกรุงโรมมานำเสนอผ่านลวดลายเรขาคณิต ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวิหารแพนธีอัน (Pantheon) อันเป็นสัญลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ

บรรยากาศอันอบอุ่นสร้างสรรค์ขึ้นโดยการผสมผสานระหว่างสี วัสดุ เนื้อสัมผัสอันหลากหลาย และรูปทรงต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้วัสดุที่นุ่มนวลเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสถานที่ การตกแต่งผนังภายในทั้งหมดเป็นการผสมผสานระหว่างลวดลายที่มีพื้นผิวเป็นริ้วและโค้งคล้ายกับคลื่น เข้ากับผ้าไหมอันล้ำค่าที่เพิ่มความหรูหราผ่านการตกแต่งด้วยทองเหลือง

ภายในบูติกมีบันไดเวียนอันหรูหรา เป็นตัวเชื่อมทั้งสองชั้นของบูติก นำผู้มาเยือนสู่หอรูปทรงโดม (Rotonda) ซึ่งมีผนังพื้นผิวเป็นริ้วไว้สำหรับการจัดแสดงอยู่ 4 ด้าน ประดับด้วยงูสีทองที่มีรูปทรงคดเคี้ยว เพื่อนำท่านสู่ห้องจัดแสดงอัญมณีชั้นสูง โดยมีจุดศูนย์กลางของห้องเป็นโต๊ะหินอ่อนแกะสลักอันโดดเด่น และยังมีตู้โชว์ติดผนังถึง 6 ตู้ ที่ยึดติดกับหินออนิกซ์อันล้ำค่า แต่ละตู้จัดแสดงคอลเลกชันอัญมณีชั้นสูงของบุลการี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่มีเอกลักษณ์ ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงความประณีตในการรังสรรค์

อีกหนึ่งความโดดเด่นของห้องนี้คือพื้นโมเสคสีขาวซึ่งเป็นเทคนิคงานฝีมือแบบโบราณอันเป็นที่ชื่นชอบของชาวโรมัน คือการใช้ชิ้นส่วนเล็กๆ มาจัดเรียงอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างสรรค์พื้นผิวที่สะท้อนแสงและกระจายแสงได้อย่างงดงามราวกับต้องมนต์ซึ่งคล้ายคลึงกับแสงแดดของกรุงโรม

บูติกแห่งนี้มี 3 ห้องส่วนตัวสุดหรูตามการออกแบบแนวอิตาเลียนร่วมสมัย แต่ยังคงมีความสบายเสมือนกับห้องรับแขก ตั้งแต่ผ้าทอที่สวยงามไปจนถึงเทคนิคปูนบนผนังโดยช่างฝีมือ 

ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี