พลังคนรุ่นใหม่ เป็นพลังสำคัญในการต่อยอดอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวที่เป็นปึกแผ่นให้ยั่งยืน ผู้บริหารรุ่นใหม่ระดับคุณภาพคับแก้วเหล่านี้ ได้สะท้อนแนวคิดที่น่าภาคภูมิใจและเป็นความหวังของครอบครัวได้อย่างแท้จริง

อาณาจักร “เซ็นทรัล” เป็นหนึ่งธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนานเกือบ 8 ทศวรรษ การยืนอยู่อย่างมั่นคงล้วนมาจากคนในครอบครัว “จิราธิวัฒน์” ที่มีคุณภาพเข้ามารับไม้สานต่องานให้ยั่งยืน และหนึ่งในนั้น คือ “เท็น-รวิศรา จิราธิวัฒน์” ทายาทจิราธิวัฒน์ รุ่นที่ 3 ที่นั่งคุมบังเหียนด้านการตลาด ในตำแหน่งประธานบริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งแนวคิดที่ส่งต่อกันมาต่อนั้น เท็น-รวิศรา บอกว่า สิ่งที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น คือ ความขยัน ทำงานหนัก! เราพูดกันเสมอว่า เราต้องโตไปทั้งแฟมิลี่พร้อมกัน ทำให้มีความสามัคคี ในการทำงานเวลาเท็นมีปัญหาอะไรจะปรึกษาญาติๆ ใครก็ได้ เขาไม่เคยหวงข้อมูล เขาจะช่วยซัพพอร์ตตลอด การสร้างอะไรไม่มีวันแมนโชว์ อันนี้สำคัญมาก ทำให้ครอบครัวเราสนิทกันมาก การทำงานระหว่างรุ่นใหญ่ เราได้ความคิดเห็นจากผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ได้ตำหนิ แต่เป็นฟีดแบ็กกลับมา เป็นสิ่งที่ดี และมีระบบ mentor ที่เป็นรุ่นใหญ่ของเราจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 2-3 ปี เพื่อที่จะได้ฟีดแบ็กหลายๆด้าน

...

แม้จะนามสกุลจิราธิวัฒน์ แต่ เท็น-รวิศรา ก็เป็นคุณหนูสู้งาน! เท็น มองว่าเราต้องขยันทำงาน โชว์ให้พนักงานเห็นด้วยว่า เราไม่ได้เป็นแค่เจ้าของห้าง เราทำงานทุ่มเทจริงๆ ทำให้ทุกอย่างดีที่สุด ซึ่งการทำงานช่วงแรกๆ มีความกดดันบ้าง เพราะว่าเท็นเป็นคนคล้าย “พี่โอ๊ต-ณัฐธีรา
บุญศรี” คือทำงานต้องเป๊ะ การที่ได้รับฟีดแบ็กทำให้งานเราดีขึ้น ส่วนการต่อยอดอาณาจักรของครอบครัวในยุคเจน 3 เธอบอกว่า ความท้าทายของเราพอเป็นเบอร์หนึ่ง มันค่อนข้างยาก แต่ว่าเราก็อยากให้เซ็นทรัลอยู่กับคนไทย อยากทำให้ดีที่สุด อยากทำให้ลูกค้าแฮปปี้ อยากทำให้ลูกค้าเข้ามาแล้วเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ให้มีความรู้สึกดีๆ และอยากให้เซ็นทรัลอยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ อันนี้คือเป้าหมายหลักของพวกเรา

ด้านทายาทหนุ่มไฟแรงของอาณาจักร “กลุ่มเดอะมอลล์” ที่ไฟกำลังส่อง “อิทธิฤทธิ์ รัตนทารส อัมพุช” ได้เข้ามาช่วย “คุณป้าแอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช” สร้างอาณาจักรกลุ่มเดอะมอลล์ ให้เข้มแข็งยืนหนึ่งอย่างเต็มตัว ในตำแหน่ง Senior Director, Retail Leasing & Business Development, EM District ประกอบด้วยศูนย์การค้า เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ การเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องมาประกบทำงานกับทีมงานรุ่นใหญ่สายสตรอง “จีน-อิทธิฤทธิ์” บอกว่า การทำงานต้องมีการผสมผสานแนวคิดของคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า นำแนวทางให้เกิดประโยชน์ที่สุดสำหรับการทำงาน บางครั้งเรามีแนวคิดที่ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ เราต้องค่อยๆอธิบาย หาข้อมูลต่างๆ รวมถึงข้อเท็จจริง ที่เราได้เห็นเพื่อใช้ในการประชุมหารือกัน เพราะธุรกิจรีเทลมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำงานต้องทำตามหลักความเป็นจริง โดยไม่ใช้อารมณ์ แต่ใช้ความเป็นมืออาชีพ

“ความท้าทายสำหรับผมก็คือการทำงานกับครอบครัว ซึ่งปัจจุบันเป็นรุ่นผมที่เข้ามามีส่วนร่วมเยอะขึ้น มีไอเดียใหม่ๆที่เห็นจากต่างประเทศ หรือเห็นจากเทรนด์ในปัจจุบัน ในการทำงานผมอยากทำให้ เอ็ม ดิสทริค เป็น Second Place ที่ไม่ใช่บ้าน แต่เป็นที่ที่เราต้องไปทุกเดือน ทุกอาทิตย์ หรือเกือบทุกวัน ไปเจอเพื่อน ช็อปปิ้ง ทานข้าว ธุรกิจเราการบริการ คือหัวใจสำคัญ ต้องทำให้ลูกค้า หรือผู้เช่า ทุกคนสะดวกสบาย มีความสุข และมีพรีวิเลจ เมื่อเขามาช็อป ที่เราและเรายังต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ในส่วนของความรับผิดชอบ ที่ดูแลทั้งเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ เอ็มสเฟียร์ จะพยายามทำให้ทั้ง 3 ตึกย่านการค้าบนถนนสุขุมวิทนี้สมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งทีมงาน เอ็ม ดิสทริค จะมีไอเดียใหม่ๆ มานำเสนอที่ต่างจากที่อื่น นั่นคือเป็นเป้าหมายของผม” ทายาทไฟแรงของกลุ่มเดอะ มอลล์ บอก

อีกหนึ่งผู้บริหารสาวไฟแรง ที่เข้ามารับช่วงต่อจากคุณแม่สายลุยผู้บุกเบิกธุรกิจโรงแรมระดับลักชัวรีที่โด่งดังในจังหวัดกระบี่ “แจน-ชลชญา นันทวิสัย ปันยารชุน” ลูกสาวคนโตของ คุณแม่วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน แห่ง เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท และโรงแรมวารานา กระบี่ โรงแรมน้องใหม่คุณภาพคับแก้วที่มาในแนวคิด “The Wellcation Experience” ชูการท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นโรงแรมแห่งความยั่งยืน (Sustainable Hotel) ซึ่ง “แจน-ชลชญา” ได้เข้ามาอินชาร์จในตำแหน่ง จีเอ็มของโรงแรมทั้ง 2 แห่ง หลังจากถูกคุณแม่ขับเคี่ยวฝึกความแข็งแกร่ง จนสามารถเอาอยู่กับการกุมบังเหียนงานทั้ง 2 แห่ง

...

“วันแรกกับแจนในวันนี้ต่างกันมาก วันแรกเป็นเหมือนเด็กอินเทิร์นที่แบบมาฝึกงานไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ได้เรียนการโรงแรมมาด้วยก็ต้องเรียนทุกอย่างจากทีมงาน ต้องไปทำงานกับพนักงาน ไม่มีอภิสิทธิ์อะไร ทำงานแบบรูทีนเหมือนพนักงานทั่วไป จดการประชุม พาแขกไปส่งห้องพัก เวลาแขกมีปัญหาเราเข้าไปเคลียร์ แต่ว่าวันนี้พอเราได้ทำงานตรงนี้มามากขึ้น เราก็เอาประสบการณ์นี้ไปต่อยอดกับการมองภาพรวมได้ดีขึ้น ตอนนี้แจนเป็นจีเอ็มที่ทับแขกอยู่ ทั้งวารานา และทับแขก จะดูเรื่องมาร์เกตติ้ง พีอาร์ และโอปอเรชั่นบางส่วน แต่ตอนนี้น้ำหนักงานอยู่ที่วารานามากขึ้น เพราะเราอยากสร้าง meaningful vacation ให้แขกได้สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนทั้งกายและใจ ผ่านกิจกรรมต่างๆในโรงแรม รวมทั้ง NAAM Wellness เวลเนสแห่งแรกในประเทศไทย ที่นำพลังธรรมชาติของน้ำ มาปรับใช้ในการผ่อนคลาย ฟื้นฟูร่างกาย”

...

ในการสานต่อการทำงานนั้น “แจน-ชลชญา” บอกว่า คุณแม่เก่งมากเขามองการณ์ไกลมาก แจนก็ได้เรียนรู้จากท่าน ในการทำงานแจนต้องเรียนรู้อยู่ทุกวัน เราต้องสร้างความสุขทั้งของแขกที่มาพัก และสร้างความสุข สร้างครอบครัวการทำงานที่ดีให้แก่พนักงาน ให้พนักงานเติบโตกับเรา ความสุขของแจน คือการเห็นแขก ที่มาพักมีความสุข และเห็นพนักงานอยู่กับเราและมีความสุข เหล่านี้จุดประกายให้แจนทำงานจนถึงทุกวันนี้

ปิดท้ายด้วยผู้บริหารรุ่นใหม่ “พูม-ภานุกร ศรีอรทัยกุล” ลูกชายคนโตของ “หนึ่ง-สุริยน กับ เมก้า” เจนฯที่ 3 ของอาณาจักร “บิวตี้ เจมส์” (Beauty Gems) ของครอบครัวศรีอรทัยกุล ที่ผลิตเครื่องประดับอัญมณีหลากหลายสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่ง “พูม-ภานุกร” ได้เข้ามาชิมลางงานที่บิวตี้ เจมส์ ก่อนที่จะเริ่มอย่างจริงจังในไตรมาสแรกของปี 2568 นี้ โดยตอนนี้เข้าปูพื้นฐานความเข้าใจงานด้วยการเข้าไปศึกษางานในทุกภาคส่วน ก่อนที่จะลงหลักทำงานในส่วนของการผลิต โดยบอกว่า “ส่วนตัวผมชอบในส่วนของการวางแผนการผลิต เพราะว่าตั้งแต่เด็กแล้ว ผมอยากรู้ว่าทำอย่างไร ตอนนี้ผมก็ทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ ซึ่งมีคุณปู่และน้องสาวคุณปู่ ทำงานร่วมกัน คุณพ่อจะเป็นทางด้านการขาย มาร์เกตติ้ง ซึ่งในการทำงานระหว่างคน 2 รุ่น เราต้องเปิดใจรับฟัง ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผมเองก็ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์พี่ๆ ที่ทำงานอยู่นาน ส่วนผมก็พอมีประสบการณ์ที่เคยทำงานนอกบ้าน และการที่ผมได้ไปเรียนรู้จากประเทศสหรัฐอเมริกา มาปิดช่องว่างระหว่างกันครับ นอกจากนี้ คุณปู่ ท่านพูดเสมอว่าก่อนที่จะมาปรับเปลี่ยนหรือว่าดูอะไร ท่านย้ำเสมอว่า เราต้องเข้าใจการทำงานในหลากหลายมุมครับ”

...

และเมื่อตั้งใจเข้ามาต่อยอดงานของครอบครัวแล้ว ผู้บริหารไฟแรงคนนี้ตั้งใจว่า ยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว เราก็ต้องการปรับตัวที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมไปถึงการนำพาบิวตี้เจมส์ไปสู่ดิจิทัล Translation เป็นการใช้การพัฒนาผลิตภัณฑ์การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีมาในโลกนี้ เพื่อให้ช่วยกันทำงานของแต่ละแผนกไม่ว่าจะเป็นแผนกเซลส์แผนกการตลาดได้ทำงานได้มากขึ้นและในการผลิตโปรดักส์ให้ดีขึ้น.