ความสุข ความหวัง และความท้าทาย คนดังคาดหวังปี 2568 อย่างไร

ในปี 2567 ที่กำลังผ่านไปนี้ หลายคนอาจรู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้ และสิ้นหวังกับหลายๆ เรื่องราวที่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต สำหรับปี 2568 ที่จะมาถึงนี้ เหล่าคนดังจากหลากหลายวงการ คาดหวังทั้งกับตัวเองและบ้านเมืองไว้อย่างไรกันบ้าง

ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

คุณธนามองว่าปี 2567 เป็นปีแห่งความผันผวนในหลายๆ เรื่อง เรื่องแรกคือการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของ AI แต่เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องที่เขามองว่ามีผลกระทบมากที่สุดคือเรื่องสงครามที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพราะสร้างความวุ่นวายหลายอย่าง เรื่องที่ 3 คือ ภาวะโลกร้อน ที่หลายคนมักจะมองข้าม และคิดว่าปี 2568 จะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจที่หดตัว สงครามก็น่าจะรุนแรงขึ้น และเรื่องของโลกร้อนที่เราจะได้รับผลกระทบมากขึ้น

“แต่อย่างไรก็ตามในการผันผวนทั้งหมดก็จะมีคนที่ประสบความสำเร็จขึ้นมา เป็นคนที่หาโอกาสจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นผมคิดว่าก็ต้องเฝ้ามองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น ก็ต้องไปเรียนรู้โลกที่กว้างกว่าตัวเอง คุยกับคนที่เราไม่คุ้นเยอะๆ เราอาจจะเห็นจิ๊กซอว์บางอย่างที่ทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยในโลกที่ผันผวนได้”

ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว The Reporters

ฐปณีย์ หรือพี่แยม บอกว่าปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยพบกับเรื่องราวที่หนักหน่วงมากมาย ในช่วงครึ่งปีแรกเป็นเรื่องของการเมืองที่มีความเข้มข้น ส่วนครึ่งปีหลังก็เจอกับภัยน้ำท่วมในหลายๆ จังหวัดทั้งภาคเหนือและภาคใต้ ในฐานะของคนทำข่าว ก็ต้องมีหน้าที่ขับเคลื่อนเรื่องราวประเด็นสังคมให้เกิดการแก้ปัญหา สำหรับความคาดหวังในปี 2568 ทั้งกับตัวเองและบ้านเมืองนั้น พี่แยมบอกว่า

“สำหรับตัวเองท่ามกลางวิกฤติสื่อ ก็คาดหวังว่าจะนำพาองค์กรของตัวเองไปรอด เพื่อที่เราจะผลิตเนื้อหาดีๆ ออกมาสู่สังคมและรักษาคุณค่าของความเป็นนักข่าวไว้ ส่วนในเรื่องสังคมปีนี้ในประเทศไทยมีภัยพิบัติเยอะ แล้วก็มีคนจำนวนมากถูกโกง หรือเจอภัยอาชญากรรมภัยออนไลน์ต่างๆ มากมาย ปีหน้าก็หวังว่าให้เรื่องราวเหล่านี้ลดน้อยลง เรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบมาก โดยเฉพาะเรื่องฝนฟ้าอากาศ เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขอให้ลดน้อยลงเพื่อให้ทุกคนเองจะได้มีเวลาพัก ในการที่จะสู้ชีวิตกันต่อไป”

พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า

ในมุมของนักการเมืองรุ่นใหม่อย่าง พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ ยอมรับว่าปี 2567 เป็นปีที่เหนื่อยทั้งตัวเองและเหนื่อยทั้งประเทศ เพราะเป็นปีที่ต่อเนื่องจากการเลือกตั้งนายกฯ ในปี 2566 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จไปถึงเส้นชัยตามที่คิดไว้ เช่นเดียวกับหลายคนในประเทศที่คิดว่าปี 2567 น่าจะดีขึ้นแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด จึงคิดว่าเป็นปีที่เหนื่อยล้าและทำให้หลายคนรู้สึกหมดไฟ หมดหวัง ก็อยากให้ทิ้งความสิ้นหวังนี้ไปแล้วเริ่มใหม่ในปีหน้า

“ส่วนตัวคิดว่าปีหน้าอยากลองทำอะไรที่มันท้าทายมากขึ้น เราอยู่ในวงการการเมืองมาประมาณ 6-7 ปี คิดว่าคงไม่ได้เลิกเป็นนักการเมืองตอนนี้ แต่ว่าอยากจะหาอะไรที่ท้าทายตัวเองหรือว่าทำอะไรที่ไม่เคยทำ ก็จะลองทำดู ส่วนสำหรับบ้านเมือง ตอนนี้คนบ่นเรื่องเศรษฐกิจเยอะ เราก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่าปีหน้าอาจจะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับประเทศไทย แต่ว่าประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ทนทานแล้วก็ลื่นไหลสูง สามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ เพราะฉะนั้นเราก็เชื่อว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ยากลำบาก แต่ว่าเราหวังว่าจะมองเห็นโอกาสหรือความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะให้ประเทศไทยมีลู่ทางในการทำมาหากิน หรือว่าโอกาสสำหรับประเทศในเวทีโลกมากขึ้น”

ศิริศักดิ์ ไชยเทศ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

แม้ว่าปี 2567 จะมีเรื่องราวมากมายทำให้รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง แต่ท่ามกลางความเศร้าหมองนั้นยังมีเรื่องของ “พรบ. สมรสเท่าเทียม” ที่ผ่านร่างกฎหมายมาช่วยจุดประกายความหวังให้กับสังคมไทยมากขึ้น ศิริศักดิ์ ไชยเทศ หรือ ต้น หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนเรื่องนี้บอกว่ารู้สึกดีใจมากที่สมรสเท่าเทียมผ่าน ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญของการต่อสู้ของเขาและกลุ่มคนเพศหลากหลาย ส่วนในปี 2568 เขาก็ยืนหยัดที่จะต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชนด้านอื่นๆ ต่อไป

“ปีหน้าคาดหวังว่าจะดูแลตัวเองในเรื่องของ Well Being และสุขภาพจิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น สำหรับความคาดหวังในเรื่องของบ้านเมือง ในฐานะนักรณรงค์เรื่องของสิทธิมนุษยชน ข้อแรกคาดหวังว่ากฎหมายคุ้มครองพนักงานบริการจะต้องผ่าน แล้วก็ยกเลิกกฎหมายป้องกันปราบปรามการค้าประเวณีปี พ.ศ. 2539 เพื่อทำให้พนักงานบริการหรือ Sex Worker ไม่ผิดกฎหมาย ข้อสอง คาดหวังว่ากฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศต้องผ่าน และข้อสามคาดหวังว่ากฎหมาย พรบ. ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลต้องผ่านและเข้าสภาเช่นกัน และสิ่งที่คาดหวังมากที่สุดก็คืออยากให้รัฐธรรมนูญบรรจุคำว่าคนที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าไปในหลักการเพื่อให้กฎหมายต่างๆ ออกแบบมาเพื่อที่จะคุ้มครองคนทุกคนอย่างแท้จริง”

สรานี สงวนเรือง อินฟลูเอนเซอร์ด้านไอที

ด้านอินฟลูเอนเซอร์ด้านไอทีและผู้ก่อตั้งช่อง LDA ลดา อย่าง เฟื่องลดา - สรานี สงวนเรือง บอกว่าปี 2567 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและเชื่อว่าหลายคนรู้สึกเหนื่อยกับปีนี้ ซึ่งการได้ถอยไปหยุดพักเพื่อเตรียมตัวก้าวไปสู่สิ่งใหม่ในปี 2568 ก็เชื่อว่าน่าจะดีขึ้น

“คิดว่าปีหน้าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างทั้งในระดับของบ้านเมืองและโลก แล้วก็สิ่งที่คาดหวังให้ประเทศเรามีความสงบสุขมากขึ้น แต่ว่าภายใต้ความสงบสุขนั้นก็เชื่อว่ามนุษย์แต่ละคนมีความจริงแท้ของตัวเองที่แตกต่างกันมากๆ อยากให้ทุกคนได้เจอตัวตนนั้นและเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันด้วยความเคารพ ตัวเฟื่องเองก็อยู่ในเส้นทางนั้นที่จะค้นพบตัวตนที่สมจริงที่สุดของตัวเอง”

รติศา วิเชียรพิทยา ยูทูบเบอร์ช่อง Nail Name

ด้านยูทูบเบอร์ที่เป็นหนึ่งในตัวแทนของคนรุ่นใหม่จากช่อง Nail Name อย่าง เนม- รติศา วิเชียรพิทยา บอกว่าปี 2567 เป็นปีที่หนักหนาหลายเรื่องทั้งกับตัวเองและบ้านเมือง ซึ่งเธอคาดหวังว่าปี 2568 จะดีขึ้น

“ปี 2568 อยากผลักดันเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะตอนนี้ก็ผ่านเลือกตั้งมาสักระยะใหญ่ๆ แล้วก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่เรารู้สึกว่าประชาชนก็รอมานานแล้ว ส่วนความคาดหวังกับตัวเองก็รู้สึกว่าอยากมีพื้นที่ในการพูดความรู้ด้านการเมือง ด้านรัฐศาสตร์ให้มากกว่านี้ เพราะเรารู้สึกว่าเวลาเราพูดถึงรัฐศาสตร์การเมือง คนจะรู้สึกว่ามันคือการเลือกสี แต่ความจริงแล้วเรื่องการเมืองมันมีมากกว่านั้น มันมีสภา มันมีระบบประชาธิปไตย และมีอีกหลายๆ ระบบ ถ้าประชาชนรู้มากขึ้นก็อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของการเลือกพรรค เลือกสี มันไม่ใช่เรื่องของการแบ่งขั้วอย่างเดียว ก็อาจจะทำให้การเมืองมีแนวทางที่สอดคล้องกันหรือว่าเจรจากันได้มากขึ้น”