นักวิทยาศาสตร์จากประเทศออสเตรเลียผุดไอเดียใช้สิงโตทะเลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากธรรมชาติโดยแท้จริง ช่วยสำรวจและทำแผนที่ใต้พื้นมหาสมุทรที่ยังไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน

การทำแผนที่ใต้พื้นทะเลส่วนใหญ่จำเป็นที่จะต้องใช้เรือดำน้ำ ที่มีกล้องเฉพาะทาง ซึ่งยากมากที่จะทำให้การสำรวจนั้นไหลลื่นและครอบคลุมพื้นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม สิงโตทะเลอาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่สามารถช่วยและเอาชนะความท้าทายนี้ที่มนุษย์นั้นไม่สามารถทำได้

แน่นอนว่าใต้พื้นมหาสมุทรหรือท้องทะเล มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ ทำให้ข้อมูลบางอย่างยังรอหาคำตอบ รวมไปถึงระบบนิเวศใต้น้ำที่ยังมีคำถามมากมายที่ยังคงเป็นปริศนา

นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียจึงได้ทำการติดกล้องวิดีโอกับสิงโตทะเลเพศเมียที่ใกล้สูญพันธุ์อย่าง Neophoca cinerea ที่โตเต็มวัยจำนวนทั้งหมด 8 ตัว โดยกล้องจะมีขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งและถอดออกได้ง่าย และมีน้ำหนักเบาเพื่อที่จะทำให้สิงโตทะเลได้เคลื่อนไหวอย่างธรรมชาติมากที่สุด

ขณะที่สิงโตทะเลเหล่านี้ออกไปสำรวจโลกกว้าง ระยะทางกว่า 560 กิโลเมตร และความลึกสูงสุดที่ 110 เมตร วิดีโอก็จะบันทึกภาพนาน 3-4 วัน ความยาววิดีโอกว่า 89 ชั่วโมง พร้อมกับส่งสัญญาณ GPS เพื่อติดตามตำแหน่งแบบเรียลไทม์ ให้ช่วยทำแผนที่พื้นมหาสมุทรที่ยังไม่มีใครสำรวจได้

การสำรวจนี้ถือว่าเป็นการลดต้นทุนการทำงานวิจัยสำรวจใต้น้ำเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องเสียค่าเรือดำน้ำและกล้องที่มีประสิทธิภาพที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าหลายเท่าตัว ยังไม่รวมถึงสภาพอากาศและปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถสำรวจได้ แต่สิงโตทะเลเหล่านี้กลับเข้ามาทำหน้าที่แทนยานดำน้ำควบคุมระยะไกล (ROV) เคลื่อนที่ได้คล่องตัว โดยใช้ระยะเวลาสั้น ๆ รวมถึงสามารถอยู่กลางทะเลได้เป็นเวลาถึง 6 วันด้วยกัน

...

หลังจากการกลับมาของสิงโตทะเล นักทำแผนที่มืออาชีพใต้ท้องทะเลทำให้นักวิจัยสามารถระบุที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ ของสัตว์ทะเลได้ถึง 6 แห่ง ประกอบไปด้วยปะการังขนาดใหญ่ ทุ่งสาหร่าย เนินทราย และแนวหิน พร้อมสัตว์ทะเลนานาชนิด

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้สามารถสร้างแบบจำลองถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลได้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 5,000 ตารางกิโลเมตร และยังสามารถนำไปประยุกต์ในการศึกษา ทำความเข้าใจระบบนิเวศในการอนุรักษ์สิงโตทะเลพันธุ์ดังกล่าวได้มากขึ้น รวมถึงเก็บเป็นฐานข้อมูลนำไปต่อยอดกับระบบนิเวศอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้อีกด้วย

อนาคตเราอาจจะเห็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อใช้ในการสำรวจโลกใต้น้ำร่วมกับสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้อาจจะทำให้เราสามารถรู้ระบบของโลกใต้น้ำที่ยังคงเป็นปริศนา ที่ต่อยอดถึงการอนุรักษ์ระบบนิเวศของโลกเราได้ต่อไปในอนาคตข้างหน้า

ข้อมูล : worldeconomicforum