S2O Songkran Music Festival (S2O) งานเทศกาลดนตรี ซึ่งเป็นอีเวนต์ต้นตำรับ สัญชาติไทย ที่จัดขึ้นในช่วงวันสงกรานต์เป็นประจำทุกปี ใช้เวลาเดินทางสร้างชื่อเสียงมา 1 ทศวรรษ และถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 ในประเทศไทย ในปี 2567 นี้
งานเทศกาลดนตรี ที่ควบคู่ไปกับการได้เล่นน้ำสงกรานต์ในคราเดียวกัน เพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ของประเทศไทย กลายเป็นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักกับ ‘วันสงกรานต์’ และถูกแผ่ขยายโกอินเตอร์ ออกไปไกลทั่วโลก
ปัจจุบันการเฉลิมฉลองสุดพิเศษ จากเทศกาลสงกรานต์นี้ ถูกถ่ายทอดออกไปในงานเทศกาลดนตรี ซึ่งเป็นมากกว่าการฉลองแค่เพียงในเทศกาลสงกรานต์ ของประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่กลายเป็นงานเทศกาลดนตรีที่โด่งดังสู่สากล ด้วยการนำการละเล่นในวัฒนธรรมความเป็นไทยเป็นสารตั้งต้น มาประยุกต์ใช้ไปกับงานเทศกาลดนตรีดังๆ ในต่างประเทศ จนเกิดเป็น S2O เทศกาลดนตรี EDM ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
การประสบความสำเร็จนี้ ได้สอดคล้องกับนโยบายจากทางรัฐบาล ที่อยากจะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ และการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘Festival’ ทำให้งาน S2O Songkran Music Festival กลายเป็นส่วนหนึ่งในแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้คนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยเพื่อร่วมงาน และทำให้เศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวในวันสงกรานต์กลายเป็นหมุดหมายหลัก เพื่อการเติบโตในอุตสาหกรรมต่างๆ มากยิ่งขึ้น
...
การเดินทางของงาน S2O Songkran Music Festival ในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป และก้าวขึ้นมาเทียบเท่ากับเทศกาลดนตรีดังเจ้าอื่นๆ ได้มากแค่ไหน มีแนวทาง แนวคิด และอุปสรรค ที่ส่งผลต่อประเทศไทยได้อย่างไรต่อจากนี้
บทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจจากผู้จัดงาน และผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี S2O 'วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา' ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวหน้า ที่พาเทศกาลสงกรานต์ไทย ไปแนะนำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฝั่งเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้ว
แน่นอนกว่าการพา S2O มาไกล และมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางได้ในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจ ที่อยากจะสอบถามถึงว่าแนวคิดนี้เมื่อ 10 ปีก่อนที่จะมีงานเทศกาลนี้เกิดขึ้น นั้นมีที่มา ที่ไปได้อย่างไร
วู้ดดี้ วุฒิธร เล่าว่า “แรงบันดาลใจของ S2O เกิดขึ้นจากการที่ได้เดินทางไปร่วมงาน Tomorrowland และตอนที่ไปยืนอยู่หน้าเวทีของงาน ตัวเองได้ตั้งคำถามว่า ถ้ายุโรปสามารถจัดงานเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้เนี่ย สำหรับเอเชียนั้นจะเป็นยังไงได้บ้าง”
...
“หลังจากกลับมาที่เมืองไทย เลยดูว่าจะมีเทศกาลไหนเนี่ย ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นงานเทศกาลระดับสากลได้บ้าง จึงมองเห็นว่า ‘การละเล่นสงกรานต์’ เป็นการละเล่นที่คนไทยชื่นชอบอยู่แล้ว หนึ่งในเทศกาลที่ทุกคนออกมาสาดน้ำใส่กัน เฉลิมฉลอง เพื่อผ่อนคลายจากสิ่งต่างๆ รวมถึงช่วงนั้นเป็นวัยรุ่นด้วย เลยคิดว่า ถ้าแพสชัน และความรู้สึกในตอนนั้นมันใช่ การเล่นน้ำมันสนุก ถ้าเราใส่ความเป็นดนตรีสากลขึ้นมาเพิ่มจะเป็นอย่างไร ก็เลยเป็นที่มาของงาน S2O ที่ย่อมาจาก S คือ คำว่า สงกรานต์ และ ล้อไปกับเสียงที่ออกมาเป็น H2O ที่มีความหมายของคำว่า น้ำ ทั้งหมดจึงเป็นจุดเริ่มต้น และแรงบันดาลใจของงานนี้ทั้งหมด” วู้ดดี้ กล่าว
S2O ‘ยกระดับงาน’ ด้วยประสบการณ์ การเรียนรู้ และบูรณาการ
แน่นอนว่าพองาน S2O ที่ถูกจัดขึ้น กลายเป็นอีเวนต์ที่ตอบโจทย์คนไทย และชาวต่างชาติ ทำให้การพัฒนางานต้องก้าวต่อไป เพื่อการยกระดับในทุกๆ ปี ให้ตอบโจทย์ผู้ร่วมงาน ซึ่งประกอบไปด้วย มาตรฐานความปลอดภัย บูธอำนวยความสะดวก สแตน เวที และกลไกของการฉีดน้ำ
...
“ยอมรับเลยว่าตั้งแต่ปีแรก จนถึงปีนี้จะมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าแฟนคลับงาน S2O จะเห็นพัฒนาการตัวนี้อย่างชัดเจน เรื่องแรก คือ โปรดักชัน ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกๆ การจัดงาน ทั้งฉาก แสง สี เสียง โดยกำหนดให้ตัวเองเป็นที่ตั้งว่า ถ้างานจะเพอร์เฟกต์หรือสมบูรณ์ได้ ‘ตัววู้ดดี้เองต้องไปดูแล้วอ้าปากค้างก่อน’ ” วู้ดดี้ ตอบปนเสียงหัวเราะ
ผู้จัดงาน S2O กล่าวต่อ “ผนวกกับการที่เราได้ไปลองทำที่ต่างประเทศด้วย มาตรฐาน กฎเกณฑ์ต่างๆ ก็ไม่เหมือนกัน ปัจจัยสำคัญ คือ เมื่อพูดถึงน้ำ กับไฟฟ้า คนก็จะตั้งข้อสงสัยเรื่องในความปลอดภัย จะสามารถไปด้วยกันได้อย่างไร เราเองก็ได้รับคำแนะนำที่ดีเพิ่มขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญ สถาปนิก และเทคโนโลยีที่ดีเพื่อโคฟเวอร์ให้ปลอดภัยที่สุด เช่น การที่เราไปญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นก็มีการจัดการสายไฟอย่างดี อุปกรณ์ที่กันน้ำอย่างปลอดภัย ทำให้เรานำทุกประสบการณ์ ความรู้เหล่านี้ที่เราได้ทัวร์มา สอน และทำให้เรานำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างดี และตอบโจทย์ที่สุด นอกจากนี้ระบบการจัดการคน ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ สมัยแรกๆ เคยประสบปัญหาคนล้น รอคิวนาน เราก็เรียนรู้ที่จัดการแบ่งโซน จำกัดจำนวนให้เพียงพอต่อความจุ ไม่ให้แออัด และเกิดอันตราย”
...
“ทั้งหมดจึงทำให้ S2O เป็นงานที่นำข้อดีของการจัดงานในประเทศเข้าไปใส่ มันจึงเป็นการคอลแลบส์แต่สิ่งดีๆ ในการจัดการของหลายๆ ประเทศมารวมกัน จนบูรณาการออกมาเป็นเทศกาลที่มีมาตรฐาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าความปลอดภัยของงาน S2O จะเป็นอันดับแรกที่เราคำนึงถึง” วู้ดดี้ วุฒิธร กล่าว
ทั้งหมดทำให้ตอนนี้ S2O ที่หนึ่งในเรื่องของการจัดการอีเวนต์ และความปลอดภัยในงานทั้งหมดของฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งถูกโหวตให้เป็นอันดับหนึ่งใน EDM Festival ในประเทศไทย และ อันดับที่ 55 ของงาน EDM Festival ทั่วโลก โดยการจัดอันดับของ DJ Top 100 Festival
ยกระดับ ‘เฟสติวัลสัญชาติไทย’ สร้างชื่อไกลทั่วโลก
กระแสตอบรับที่ดีของงานเทศกาล S2O Songkran Music Festival ด้วยความแปลกใหม่ ปรากฏการณ์ และประสบการณ์ที่คนไม่เคยเจอ ในความสนุกที่มีการละเล่นน้ำเข้ามาผนึกกำลังกับดนตรี ทำให้ปัจจุบัน S2O ได้เดินทางทัวร์ไปยังหลากหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งด้านการพัฒนาในการจัดอีเวนต์ที่แข็งแรง และเป็นการแนะนำการละเล่นน้ำของประเทศไทยให้คนได้รู้จัก
วุฒิธร มิลินทจินดา กล่าว “เป้าหมายของ S2O หลังจากนี้ คือ การพาเทศกาลดนตรีสัญชาติไทยไปสู่นานาประเทศ โดยล่าสุดได้ประกาศตารางทัวร์ของเทศกาลตลอดปี 2024 ในหลายประเทศ”
โดยประเทศที่ได้เคยไปจัดงานแล้วประกอบด้วย ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เวียดนาม ฮ่องกง และไต้หวัน โดยล่าสุดงาน S2O ใกล้ที่จะได้โกอินเตอร์เป็นครั้งแรกในทวีปอเมริกา ที่มหานครนิวยอร์กในปีนี้อีกด้วย ซึ่งเป็นภาพในฝันใน 5 ปีข้างหน้าของ วู้ดดี้ วุฒิธร ที่จะทำให้มี S2O ตามหัวเมืองใหญ่ไปทั่วโลก
วู้ดดี้ วุฒิธร กล่าวถึงอนาคตของ S2O “นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว เรายังมีแผนในการมองทวีปต่างๆ อย่าง อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และทวีปที่น่าสนใจอย่าง ตะวันออกกลาง ซึ่งมีการแข่งขันในด้านเฟสติวัลสูงมาก และจะมีการนำอีเวนต์ต่างๆ เข้าไปจัด ซึ่งเขากำลังจะปลดล็อกเรื่องของแอลกอฮอล์บางส่วน และก็มีการสนับสนุนให้คนมาเที่ยว และใช้จ่ายอย่างดูไบ และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจในการขยับขยายเป็นอย่างมาก”
ผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี S2O Songkran Music Festival เผยว่า ”โดยการเติบโตของ S2O ยังสะท้อนถึงพลัง Soft Power ของประเทศไทย ที่จะใช้ภาษาสากลอย่าง 'ดนตรี' และเสน่ห์ของเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยมาเชื่อมโยงโลกและผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน “การเฉลิมฉลองหนึ่งทศวรรษของ S2O ในครั้งนี้จึงมีความหมายมากสำหรับพวกเรา และชาวไทยทุกคน เพราะนี่จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นไปได้ และการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของการส่งออกวัฒนธรรมไทยอย่างไร้พรมแดน และการนำ Soft Power ของไทยไปสู่เวทีระดับโลก"
“ปัจจุบันรัฐก็ยกให้ S2O เป็น Official Softpower Event ของประเทศไทย และปีหน้าอาจมีลุ้นว่าพื้นที่ใหม่ที่ทางรัฐบาลจะจัดให้สำหรับงาน S2O Songkran Music Festival จะเป็นที่ไหน เพื่อเป็น Flagship ของงานในประเทศไทย และการรองรับผู้คนจำนวนมากกว่าเดิมได้เท่าไร เพื่อขยายสเกลของงานให้เทียบเท่าเฟสติวัลระดับโลกได้อย่างไรต้องติดตามกันต่อไป และในอนาคตทีม S2O เอง ก็อาจจะได้มีโอกาสในการเป็นผู้สนับสนุน ผู้ประกอบการในประเทศไทยที่อยากจะทำให้ Festival ของตัวเองไประดับโลกได้อย่างไรอีกด้วย นอกจากนี้การเข้ามาของชาวต่างชาติ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน และ จีน ตามลำดับ ยังสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของกลุ่มคนในอุตสาหกรรม คนท้องถิ่น โรงแรม และการท่องเที่ยว” วุฒิธร เล่า
ในปี 2024 จะเป็นก้าวสำคัญของที่จะมีการปักธงเทศกาลดนตรีของคนไทยในทวีปอเมริกาเป็นครั้งแรก ซึ่งการจัดงาน S2O ในมหานครนิวยอร์กในปลายปีนี้ถือเป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ความสนุกสนาน ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และจิตวิญญาณแห่งเทศกาลสงกรานต์ของไทยไปสู่นานาประเทศ
Tomorrowland ความท้าทายใหม่ สำหรับไทย และเอเชีย
แน่นอนว่า S2O ได้รับแรงบันดาลใจจาก Tomorrowland อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ด้วยกระแสการนำเข้างาน Tomorrowland มาจัดในประเทศไทย ก็ยังเป็นที่พูดถึง และมีข้อถกเถียงกันอย่างมากมาย โดยล่าสุดงาน Tomorrowland กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และได้มีการลงนามในข้อตกลง MOU แบบเอกสิทธิ์ ปัจจุบันเวลานี้จะ “ยังไม่มีการยืนยันเรื่องการจัดงาน” เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
ทีมงานจึงได้สนใจ และสอบถามไปยังประเด็นดังกล่าว เรื่องการนำเข้า Tomorrowland มาจัดในประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า ทางผู้จัดงาน S2O มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับกรณีนี้
ผู้จัดงาน S2O ได้ให้ความเห็นว่า “แน่นอนว่า S2O ของเราเองมีแรงบันดาลใจมาจาก Tomorrowland เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิด S2O Songkran Music Festival ย้อนกลับไปในวันที่ได้ไปร่วมงาน เรามีความคิดที่อยากจะนำ Tomorrowland มาจัดที่ไทย แต่พอคิด และคำนวณในปัจจัยจำเป็นต่างๆ รายได้ ความคุ้มค่า และผลประโยชน์ต่างๆ ที่เข้ามาในประเทศไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้มค่าเสียเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้ที่ยังเป็นห่วง คือ งานอีเวนต์ทัวร์นี้มีชื่อเสียงมาก ซึ่งคนต้องคาดหวังแน่นอน ซึ่งงานอีเวนต์ต้องทำให้ออกมาดีมากๆ ถึงจะคุ้มค่า และดึงดูดคนจำนวน หนึ่งแสนกว่าคนให้เข้ามา”
“รวมถึงรูปแบบการจัดงานในโซนเอเชีย และยุโรปค่อนข้างมีความแตกต่าง และท้าทาย เช่น การจุคนในงานในสเกลที่ใหญ่ การทำเวทีที่หลากหลาย รวมถึงสภาพอากาศที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งบ่าย 2 ที่เบลเยียม กับบ่าย 2 ที่ประเทศไทย แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอน และเชื่อว่าคนเอเชีย ไม่ออกมาเวลานี้แน่นอน , แต่ถ้าหากนำ Tomorrowland มาจัดที่เมืองไทย และเริ่ม 6 โมงเย็น - 6 โมงเช้า ได้อันนี้เป็นเรื่องที่โอเค แต่ก็ยังขัดกับกฎหมายของบ้านเราอยู่”
“ถ้าคิดว่าถ้าจะนำ Tomorrowland มาในประเทศไทย วู้ดดี้ มีความเห็นว่า ควรจะนำเข้ามาในรูปแบบที่เราเป็นพาร์ทเนอร์กับเขาในการสร้างแบรนด์ใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นลิขสิทธิ์ของ Tomorrowland (Co - Brand) ถือว่าเป็นแบบลูกของงาน Tomorrowland ในทวีปเอเชียที่เป็น IP ใหม่ไปเลยเสียมากกว่า” วุฒิธร กล่าวถึงความคิดเห็นเบื้องต้น
การที่ S2O Songkran Music Festival มีชื่อเสียงเป็นเวลา 10 ปี อนาคตคิดว่าการเดินทางของอีเวนต์ระดับชาติไทย จะสามารถเทียบเท่าสเกลงานให้เป็นแบบเดียวกับ Tomorrowland ได้หรือไม่
วู้ดดี้ วุฒิธร ได้ให้คำตอบที่น่าสนใจไว้ว่า “ผมคิดว่างาน S2O ยังไม่สามารถจะไปได้ถึงระดับ Tomorrowland ได้ เนื่องจากเราเป็นอีเวนต์ที่ชูการใช้ ‘น้ำ’ เป็นการละเล่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เทียบกับ Tomorrowland มันมีหลายเวที หลากหลายแนว เรียกว่าเป็นเมืองหนึ่งเมืองเลยก็ได้ครับ เราจึงไม่ได้อยากขยับตนเองไปในสเกลนั้น และไม่ได้อยากสร้างเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา”
“S2O ก็พร้อมที่จะสนับสนุนเป็นอย่างดี ถ้าหากมีหน่วยงานใด หรือทีมงานไหนต้องการทำ เพื่อสานฝันคนไทยให้เป็นจริง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามีเทศกาลอื่นๆ ในลำดับต่อไป เราก็อยากทำงานอีเวนต์ที่นำเทศกาลอื่นๆ ในประเทศไทยดังๆ มารวมกันในระดับหลายๆ เวที หลากหลายแนว โดยยึดแบบ Tomorrowland มาใช้ก็อาจจะมีความเป็นไปได้มากกว่า อย่างไรก็ตามถ้าโฟกัสมาที่ S2O เรามีนโยบายเพียงแค่ว่านำ S2O Songkran Music Festival ไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รู้จักเสียมากกว่า” วู้ดดี้ ถึงการสนับสนุน และความเห็นที่น่าสนใจ
‘ขยะ’ เรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องการจัดการให้ได้มากที่สุด
แน่นอนว่าเรื่องของผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากงานจบไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เรื่องขยะ’ เป็นหนึ่งจุดที่น่าสนใจทาง S2O Songkran Music Festival จะมีการจัดการอย่างไร
ผู้จัดงาน S2O เล่าให้ฟังไว้ว่า “แน่นอนว่า เรื่องการพัฒนา และยกระดับงานอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เราต้องการเพิ่มความสมบูรณ์ในทุกๆ ปี ยกตัวอย่างในปีที่ 2 ที่จัดงาน ทางวู้ดดี้ต้องการที่จะไม่ให้มีขยะหลงเหลือในงานแม้แต่ชิ้นเดียว วิธีที่จัดการ คือ เราจะมีทีมแม่บ้าน แทรกไปอยู่ตามหมู่ผู้คนต่างๆ ถือถุงขยะแล้วเก็บตลอดงาน นอกจากนี้ ปัจจุบันเรายังมี พาร์ตเนอร์เป็นทีมที่เขาเอาขยะของเราทั้งหมด ไปรีไซเคิล และแยกขยะให้เสร็จสรรพ และย่อยสลายไปเป็นปุ๋ย ซึ่งขยะเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน และเราต้องการที่จะจัดการให้ได้มากที่สุดเพื่อความสะอาด และไม่ให้ส่งผลกระทบเชิงลบภายในงาน และส่งผลเสียออกไปข้างนอกให้ได้น้อยมากที่สุด”
ปัจจุบันงาน S2O ในปี 2567 ที่จะถึงนี้บัตรทั้งหมดได้ Sold out ไปหมดแล้ว ซึ่งจะมียอดคนที่จะมาร่วมงานเป็นจำนวนทั้งสิ้นวันละ 25,000 คน รวม 3 วันเป็น 75,000 คน
จากการพัฒนาทั้งหมดทำให้ในปี 2567 นี้ S2O (S2O Songkran Music Festival) พร้อมยกระดับประสบการณ์ความสนุกสุดยิ่งใหญ่แบบเต็มพิกัดด้วยเวทีสุดอลังการเต็มพื้นที่ พร้อมแสง สี เสียงอันล้ำสมัย และลุดอกไม้ไฟสุดอลังการ รวมถึงเทคนิคการฉีดน้ำด้วย Water Gun 360 องศา ที่ฉีดน้ำได้ทั่วถึงทั้งพื้นที่จัดงาน
แน่นอนว่างานดนตรี กับน้ำอาจเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ และน่าสนใจ แต่ก็อาจจะมีหลายคนไม่น้อยที่ “ชอบการเล่นน้ำสงกรานต์ แต่ไม่ชอบแนวเพลง EDM” หรือ “ชอบแนวเพลง EDM แต่ไม่อยากเปียกน้ำ” จะมีสิ่งไหนที่งาน S2O สามารถดึงดูดพวกเขาได้บ้าง
“แน่นอนว่างานของเรามีคอนเซปต์ของน้ำ และแนวเพลงที่ชัดเจน แต่สิ่งที่อยากจะบอกให้กับคนที่อยากลอง หรือกำลังตัดสินใจว่างานนี้น่าสนใจอย่างไร ทางวู้ดดี้อยากจะบอกว่า ‘โปรดักชั่น ความอลังการของงาน’ เพียงเท่านี้ก็คุ้มแล้วกับประสบการณ์ การท่องเที่ยวเฟสติวัล ซึ่งจะบอกว่า หากไม่ชอบเล่นน้ำ ทางงานก็จะมีมุมแห้งคอยบริการไว้อยู่ด้วย รวมถึงโซนต่างๆ ให้เลือกตามความเหมาะสมอย่าง สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย” วู้ดดี้ กล่าวทิ้งท้าย
ร่วมสัมผัสปรากฏการณ์ความสนุกครั้งใหม่ได้ที่ Pepsi presents S2O Songkran Music Festival 2024 ที่ Live Park ถนนพระราม 9 ตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายนนี้ พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ s2ofestival ทุกช่องทาง