ช่วงอากาศที่ร้อนจัด ฮีตสโตรก (โรคลมแดด) เป็นสาเหตุที่ควรเฝ้าระวัง ซึ่งนอกจากจะเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์แล้ว ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ทุกชนิดเช่นกัน 

เข้าสู่ฤดูร้อนของไทยอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศร้อนอบอ้าว และอุณหภูมิสูงที่สุดเกือบทุกปี ทำให้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถทำให้เกิด “ฮีตสโตรก” (โรคลมแดด) ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคประจำฤดูร้อนที่ควรเฝ้าระวังที่สุดในตอนนี้ ที่สามารถคร่าชีวิตของคน และสัตว์ได้โดยไม่ทันตั้งตัว

ฮีตสโตรก (โรคลมแดด) เกิดจากการที่ร่างกายได้รับอุณหภูมิสูงกว่าปกติ และไม่สามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายตนเองได้ ยิ่งหากเกิดขึ้นกับ ‘สัตว์’ จะอาการหนักขึ้น เพราะไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่ากับมนุษย์ ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายร้อนผิดปกติ 40.5 - 42 องศาเซลเซียส ส่งผลให้หัวใจ ไต ประสาท และปอด ไม่สามารถทำงานได้ปกติ ทำให้เป็นสาเหตุที่สัตว์เลี้ยงเกิดอาการเหยียดเกร็ง ชัก หมดสติได้

แน่นอนว่า ‘โรคฮีตสโตรก’ เป็นโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ชนิดต่างๆ ที่มีการระบายความร้อน การหายใจ เกิดจากการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิร่างกายที่ฉับพลัน ความร้อนที่ไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้ทัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตราย และสามารถคร่าชีวิตได้ทั้งสิ้น 

ไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถามถึง ความรู้เพิ่มเติมกับ น.สพ.ณัฐกิตติ์ ลิขิตรังสรรค์ จากโรงพยาบาลสัตว์ชัดเจน สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เรื่องของฮีตสโตรกในหมา และแมวเชิงลึก เพื่อมาบอกเล่าให้แก่ผู้อ่านได้เข้าใจสัตว์เลี้ยง และสามารถป้องกันโรคยอดฮิตในฤดูร้อนนี้ได้อย่างทันท่วงที

...

ฮีตสโตรกในสัตว์เลี้ยง หมา แมว 

“สัตว์เลี้ยงจำพวกหมาและแมว สามารถเป็นฮีตสโตรกได้ง่ายกว่ามนุษย์ เนื่องจาก น้องหมา และน้องแมวไม่มีต่อมเหงื่อเพื่อระบายความร้อนแบบมนุษย์ แต่จะใช้เป็น ‘การหายใจ’ เพื่อระบายความร้อนแทน อย่างที่เราได้เห็นว่า น้องหมา น้องแมว เวลาออกแดดร้อนๆ หรือวิ่งเล่นจนเหนื่อย จะหายใจแรง ลิ้นห้อย พฤติกรรมเหล่านี้ คือ การระบายความร้อน นั่นเอง” น.สพ.ณัฐกิตติ์ ลิขิตรังสรรค์ ให้ความรู้ถึงเรื่องการระบายความร้อนในร่างกายของหมาและแมว

ปุ่น ณัฐกิตติ์ สัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ชัดเจน เล่าว่า “หากเราสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ เช่น น้ำลายที่ยืด เหนียวมากกว่าปกติ และเปรอะเปื้อนไปทั่วตัว มีอาการเซื่องซึม และอยู่กับที่ไม่ขยับ บางเคสมีนิสัยที่เปลี่ยนไป รวมทั้ง หู ตา เหงือก อุ้งเท้า และลิ้นจะแดงกว่าปกติ หากอาการรุนแรงมากจะมีสีซีด ซึ่งหากไม่แน่ใจสามารถใช้ปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิได้ทางทวารหนัก หรือการสัมผัส หากมีอุณหภูมิสูงถึง 41 องศาฯ ให้เจ้าของตระหนักได้ว่านี่คืออาการของฮีตสโตรกในสุนัขและแมว ผู้เลี้ยงควรทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น นำเข้าที่ร่วม ปลดพันธนาการ หาผ้าชุบน้ำมาเช็ด และนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที”

สัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ชัดเจน กล่าวต่อ “ยิ่งน้องหมา และน้องแมว สายพันธุ์ที่มีสรีระหน้าสั้น เพดานอ่อน เช่น บลูด็อก ปั๊ก ปอม ชิวาว่า หรือแมวอย่างเปอร์เซีย เอ็กโซติก ชอร์ทแฮร์ สก็อตติช พวกนี้มีผลทำให้มีปัญหาในการระบายความร้อน ด้วยรูปร่าง และสรีระใบหน้าที่บี้แบน ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดฮีตสโตรกได้ง่าย เนื่องจากการระบายความร้อนในร่างกายได้ช้ากว่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งในฤดูร้อนเคสที่พบส่วนใหญ่ในโรงพยาบาล ก็มักจะเป็น ‘สัตว์เลี้ยงสายพันธุ์หน้าสั้น’ ที่เป็นฮีตสโตรกเสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะน้องหมา เนื่องจากพฤติกรรม กิจกรรม สรีระของหมาที่ส่งเสริมให้เกิดภาวะฮีตสโตรกมากกว่าน้องแมว”

นอกเหนือจากอุณหภูมิความร้อนที่เป็นผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมแล้ว น.สพ.ณัฐกิตติ์ เล่าถึง สาเหตุที่ทำให้หมาและแมว เป็นฮีตสโตรกได้นั้นมาจาก “การติดเชื้ออย่างรุนแรง หรือติดเชื้อในกระแสเลือดที่ทำให้เกิดไข้สูง น้องหมา น้องแมว ไม่สามารถลดไข้ หรืออุณหภูมิจากการเจ็บป่วยนี้ลงได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดฮีตสโตรกได้ ไม่ต่างจากอากาศร้อน” 

ลดโอกาสการเกิด ‘ฮีตสโตรก’ ในสัตว์เลี้ยง

ไทยรัฐออนไลน์ได้สอบถามถึง การลดโอกาสเกิดฮีตสโตรกสำหรับผู้เลี้ยงบางคนที่ไม่ได้สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศได้ตลอดทั้งวัน โดย หมอปุ่น ณัฐกิตติ์ ให้ความเห็นว่า "การลดความเสี่ยงก็อาจจะมีทางให้เลือกได้หลายวิธี เช่น ไม่พาออกไปทำกิจกรรมในวันที่อากาศร้อนมากๆ ให้สัตว์เลี้ยงของเราอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท อาจจะใช้พัดลมในการเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อน หรือหาสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น มีร่ม หรือต้นไม้คอยบังแสงแดด รวมถึงการหาโอ่งน้ำ หรือถังน้ำใส่น้ำแข็งก็จะเป็นตัวช่วยสำหรับน้องๆ ได้ หากเป็นสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์ขนยาวในช่วงฤดูร้อน ก็สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปตัดขนสั้น เพื่อให้เกิดการถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

...

ฮีตสโตรก หรือ โรคลมแดด กลายเป็นโรคภัยอันตรายที่สัตว์เลี้ยง มักจะเป็นกันมากในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย แต่นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกโรคหนึ่งในช่วงนี้ที่ควรระวัง คือ สภาพอากาศที่แปรปรวน และฝุ่น PM 2.5 ที่สามารถพบได้เกือบตลอดทั้งปี ซึ่งส่งผลให้ สัตว์เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หอบหืด ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดฮีตสโตรกได้ด้วย และส่งผลที่อันตรายไม่แพ้กัน อาจจะต้องดูแลหมาแมวไม่ต่างจากคนด้วยการเน้นเลี้ยงระบบปิดมาก เครื่องฟอกอากาศ ช่วยได้ หมอปุ่น ณัฐกิตติ์ กล่าวทิ้งท้าย.