การงีบ หรือ นอนพักสายตา เป็นอีกหนึ่งเทคนิค และพฤติกรรมประจำวัน ที่ทำให้มนุษย์เราสามารถชาร์จตัวเองให้กลับมาสดชื่นระหว่างวันได้อีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามการงีบ และพักสายตา นั้นควรจะต้องทำในเวลาที่เหมาะสมถึงจะดีต่อสุขภาพ

การนอนงีบ และพักสายตา คือ การหยุดกระทำต่างๆ โดยให้ดวงตาที่อ่อนล้ามานั้นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ‘การนอนหลับ’ ระหว่างวันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อที่จะได้ชดเชยเวลาที่นอนไม่เพียงพอในช่วงคืนที่ผ่านมา หรือความอ่อนล้าทางสายตาให้กลับมามีชีวิตชีวาให้มากขึ้น

การงีบ และการพักสายตานั้น จะมีช่วงระยะเวลาของการนอนหลับที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมอง และร่างกาย หากสามารถพักผ่อนได้อยากถูกต้อง จะทำให้รู้สึกตื่นตัวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความตึงเครียด ทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส และระบบร่างกายจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากกระทำผิดเวลา ก็อาจจะส่งผลให้ร่างกายอ่อยเพลียได้เช่นกัน 

ข้อดีของการงีบ

  • การงีบ สามารถทำให้เกิดการตื่นตัวของสมอง และร่างกายในการทำงานมากขึ้น
  • ช่วยรักษาอาการเพลีย และโรยราต่าง ถือเป็นการชดเชยเวลานอนที่หายไปได้ดี
  • เพิ่มประสิทธิภาพทำให้สมอง มีการจำได้รวดเร็วเพิ่มขึ้น 
  • ลดความเครียดหรือความหงุดหงิด  เพราะการหลับจะช่วยลดฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียดได้ 
  • มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
  • สุขภาพโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากการงีบระหว่างวันจะทำให้ร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ

ข้อเสียของการงีบ

  • ทำให้ผู้มีปัญหาการนอนนั้นหลับยาก
  • หากงีบไม่เป็นเวลา และมีระยะเวลานาน อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่ายขึ้น
  • ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานระหว่างวันหากทำผิดวิธี
  • การอดนอนในช่วงกลางคืน ไม่สามารถชดเชยด้วยการงีบได้
  • เทคนิคการงีบ และพักสายตาระหว่างวัน

...

ข้อมูลของ สสส. ได้เผยถึงเคล็ดลับการงีบระหว่างวันอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สามารถเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ให้มีแรงใช้งานได้ตลอดวัน มีข้อมูลดังต่อไปนี้ 

เวลาที่เหมาะสมในการงีบพักสายตาระหว่างวันจะอยู่ที่เวลา 10-20 นาที เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มพลังงาน และคืนความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมองโปร่ง เพราะอยู่ในช่วง non-rapid eye movement (NREM) 

หากงีบหลับเป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป จะส่งผลที่ไม่เป็นผลดีกับร่างกาย เพราะจะยังคงรู้สึกง่วง มึนงง เหมือนกับนอนไม่พอ และยังคงไม่พร้อมที่จะทำงาน ซึ่งกว่าอาการนี้จะหายไปก็จะใช้เวลาเพิ่มอีกประมาณ 30 นาทีต่อมา 

การนอนงีบหลับเป็นเวลา 60 นาที เป็นช่วงเวลาที่ส่งผลดีต่อความจำ ซึ่งเรียกว่าอยู่ในช่วง Slow-wave sleep เป็นการหลับลึกที่ยังคงความง่วง แต่สมองสามารถเสริมความจำดีไว้ได้ 

การนอนหลับ 90 นาที เป็นการนอนที่ครบรอบ กล่าวคือ มีหลับลึกและไม่ลึกมากนัก อาจมีการฝันบ้าง ช่วยให้อารมณ์ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่งัวเงียเหมือนช่วง 30-60 นาทีแรก 

อย่างไรก็ตามการงีบหลับ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ช่วงกลางวัน-บ่าย อาจส่งผลดีต่อร่างกาย และสุขภาพมากที่สุด ไม่ควรงีบหลับหลังจากช่วงเย็นลงไปแล้วเพราะอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับไปช่วงกลางคืนได้ นอกจากนี้ “จากผลวิจัยพบว่าการใช้เวลางีบระหว่างวันเกินกว่า 30-45 นาที หรือการงีบช่วง 11.00 น. นอกจากจะไม่ส่งผลดีกับร่างกายแล้ว ยังก่อให้เกิดผลเสียตามมาอย่าง เช่น ทำให้ช่วงกลางคืนนอนไม่หลับ และอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาอย่างที่กล่าวไปข้างต้นอีกด้วย”

ข้อมูล : สสส.

ภาพ : istock