ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้มีเหตุเรือล่มและอับปางในทะเลไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยที่ต้องเอาชีวิตรอดจากเหตุเรือล่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เรารวมวิธีเอาตัวรอดจากเหตุเรือล่มมาให้เป็นความรู้เพื่อป้องกันตัวในอนาคต

5 วิธีเอาตัวรอดจากเรือล่ม

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เผยแพร่คู่มือประชาชนในการเตรียมตัวให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ ซึ่งได้รวบรวมวิธีป้องกัน เอาตัวรอด และให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินด้านต่างๆ รวมถึงการเกิดอุบัติภัยทางน้ำในรูปแบบต่างๆ หากพลัดตกเรือ ตกน้ำ หรือจมน้ำ มีข้อแนะนำด้านความปลอดภัย และวิธีป้องกันให้ทำตามวิธีการดังต่อไปนี้

1. อย่าลืมสวมเสื้อชูชีพขณะนั่งเรือ

หลายคนอาจละเลยการสวมเสื้อชูชีพ แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เสื้อชูชีพจะช่วยให้เราพยุงตัวอยู่ในน้ำได้นานประมาณ 3-6 ชั่วโมง หากเป็นเสื้อชูชีพคุณภาพดี อาจช่วยให้ลอยตัวอยู่ได้นานอีกหลายชั่วโมง ควรสวมเสื้อชูชีพสีสดใส เพราะสังเกตเห็นได้ง่าย และควรล็อกทุกจุดให้ครบ อย่าเพียงแค่สวมไว้เฉยๆ

อย่าลืมล็อกเสื้อชูชีพให้ครบทุกจุด เพื่อความปลอดภัยขณะที่ลอยตัวบนน้ำ
อย่าลืมล็อกเสื้อชูชีพให้ครบทุกจุด เพื่อความปลอดภัยขณะที่ลอยตัวบนน้ำ

...

2. กระจายการนั่งบนเรืออย่างสมดุล

ในกรณีที่นั่งเรือกันหลายคน โดยเฉพาะเรือขนาดเล็ก เช่น เรือสปีดโบ๊ต ผู้โดยสารควรกระจายน้ำหนักในการนั่งเรืออย่างสมดุล ไม่ไปยืนที่บริเวณกราบเรือ-ท้ายเรือ เพราะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการพลัดตกเรือและตกน้ำ หากเรือเอียงไหว หรือโคลงเคลง อย่าตื่นตระหนก จับยึดพนักเรือไว้ให้มั่น

3. ว่ายน้ำออกจากตัวเรือให้เร็วที่สุด

หากพลัดตกเรือ หรือเรือโดยสารล่ม ควรพยายามว่ายน้ำออกห่างจากเรือโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสน้ำดูดเข้าไปใต้ท้องเรือ หากเป็นไปได้ให้คว้าสิ่งของที่ลอยน้ำได้ เพื่อยึดเกาะไว้ อย่าฝืนว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง เพราะอาจหมดแรง หรือเป็นตะคริวระหว่างว่ายน้ำได้ ทางที่ดีควรส่งสัญญาณให้คนอื่นรู้ว่ากำลังประสบภัย ดังนี้

  • ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
  • เป่านกหวีดที่ติดมากับเสื้อชูชีพ
  • ทำสัญลักษณ์โบกมือขึ้น-ลงเหนือศีรษะ
  • ปลดเสื้อผ้า-เครื่องประดับที่ถ่วงน้ำหนักออก

4. ฝึกพยุงตัวให้ลอยตัวอยู่ในน้ำอย่างมีสติ

วิธีลอยตัวในน้ำสามารถทำได้ทุกคน รวมถึงคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ขอเพียงแค่มีสติ และพยุงตัวให้ลอยน้ำเพื่อรอความช่วยเหลือ โดยใช้แขนและขาทั้ง 2 ข้างตีน้ำไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

วิธีลอยตัวในน้ำ 1 : นอนหงายให้ปากและจมูกโผล่พ้นน้ำเพื่อหายใจเอาอากาศเข้าปอดก็ได้ อย่าเกร็งตัว ให้ใช้มือทั้ง 2 ข้าง พุ้ยน้ำเบาๆ ส่วนขาทั้ง 2 ข้าง ให้ถีบน้ำคล้ายๆ กับท่าของกบ คนว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถทำได้ ค่อยๆ พยุงตัวลอยไปเรื่อยๆ เพื่อรอความช่วยเหลือ แต่ในกรณีที่น้ำเชี่ยวให้เปลี่ยนมาเป็นท่าลอยคว่ำหน้า ไม่เกร็งตัว เงยหน้าขึ้นมาสูดอากาศเข้าปอดเป็นครั้งคราว

วิธีลอยตัวในน้ำ 2 : พยายามลอยตัวในน้ำโดยนอนนิ่งๆ อยู่กับที่ ให้ศีรษะอยู่พ้นน้ำ ใช้แขนทั้ง 2 ข้าง กดลงน้ำแล้วกวาดออกไปด้านข้าง ดึงแขนกลับมาแล้วกดลงน้ำซ้ำอีกครั้ง คล้ายๆ กับการวาดเลขแปดในน้ำ พร้อมกับถีบขาเบาๆ แบบไม่ต้องพับเข่ามากนัก ท่านี้จะทำให้เราสามารถยกแขนขึ้นเพื่อโบกมือขอความช่วยเหลือได้ด้วย

5. คนที่ว่ายน้ำเป็น อย่าว่ายทวนน้ำเด็ดขาด

การพยายามว่ายน้ำในทะเล หรือแม่น้ำที่กว้าง และมีความลึก จะทำให้เราหมดแรงได้ง่าย ที่สำคัญไม่ควรว่ายน้ำสวนทิศทางน้ำเด็ดขาด ควรว่ายตามแนวคลื่นเพื่อพยายามเข้าใกล้ฝั่ง หรือตลิ่งให้มากที่สุด และให้หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางประเภทเศษขยะ พืชน้ำ ผักตบชวา ฯลฯ เนื่องจากอาจเข้ามาพันตัวเราจนว่ายน้ำยากกว่าเดิม อีกทั้งไม่ควรเข้าใกล้สะพาน เพราะมักเป็นจุดที่มีกระแสน้ำวน

ในกรณีที่เราเห็นคนตกเรือ ตกน้ำ หรือจมน้ำ กำลังขอความช่วยเหลือ ให้รีบโยนสิ่งของที่สามารถเกาะเพื่อพยุงตัวได้ลงไปให้ เช่น เสื้อชูชีพ ห่วงยางชูชีพ ถังแกลลอน ฯลฯ พร้อมกับรีบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน : แจ้งอุบัติเหตุทางน้ำ 1196 หรือ หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669

อย่างไรก็ตาม การเกิดอุบัติเหตุขณะท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้วิธีป้องกันและเอาตัวรอดอย่างมีสติ.

ข้อมูลอ้างอิง : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย