รวม 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ ‘แมว’ ในบ้านของผู้เลี้ยงเกิดความเครียด และมีพฤติกรรมรุนแรงกับเจ้าของ จนอาจทำให้ผู้เลี้ยงถูกแมวเกลียดได้
แมว เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่ดูแลและเอาใจได้ยาก เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงที่รักสันโดษ และค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งแมวแต่ละตัวก็มีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป
ถ้าหากเจ้าของทำความเข้าใจพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง ดูแลเอาใจใส่ เข้าใจนิสัยของสัตว์เลี้ยงในบ้านแต่ละตัว การพิชิตใจน้องแมวนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในตัวน้องอย่างนุ่มนวล เพื่อให้พฤติกรรมของน้องๆ นั้นไม่ก้าวร้าว เป็นมิตร และเป็นสมาชิกในบ้านที่น่ารัก
รวมวิธีการเลี้ยงดูและพฤติกรรมจากเจ้าของ ที่อาจส่งผลให้แมวในบ้านมีความรู้สึกเครียด และติดลบต่อเจ้าของ ทำให้ไม่อยากสุงสิงด้วย อาจส่งผลให้เกิดความก้าวร้าว ไม่สนใจ และเป็นแมวที่ไม่น่ารักได้ หากตัวเจ้าของนั้นทำพฤติกรรมเหล่านี้กับน้องแมวบ่อยครั้ง
5 พฤติกรรมต้องห้ามทำกับ ‘แมว’
...
- ห้ามละเลยการเลี้ยงดู
แน่นอนว่าแมวเป็นสัตว์ที่รักสันโดษ มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็จะไม่ทำ แต่อย่างไรห้ามละเลยน้องแมวในบ้านเด็ดขาด เพราะการละเลยอาจทำให้ความสัมพันธ์ของน้องแมวกับเราจืดจางลงไปได้
หากแมวเหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างอ่อนโยน เจ้าของมีเวลาให้ความสำคัญ ใส่ใจกับน้องแมวมากๆ ทางน้องแมวจะเกิดการจดจำว่า มนุษย์อย่างเราๆ นั้นเป็นมิตร ปลอดภัย เป็นผู้ดูแลที่เอาใจใส่ ทำให้น้องแมวเกิดความรู้สึกอยากที่จะเข้าใกล้ มาชวนเล่น มาอ้อน โดยนิสัย หรือพฤติกรรมเหล่านี้ อาจส่งผลดีต่อคนที่บ้านได้ฮีลหัวใจอีกด้วย
- ห้ามส่งเสียงดัง ดุ และตะคอก
แมวมีพฤติกรรมที่ซุกซน ดื้อ และไม่ชอบการบังคับขืนใจ ซึ่งอาจส่งผลให้เจ้าของหัวเสียได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมเหล่านี้มักจะเกิดในแมวแทบทุกตัวบนโลก เจ้าของควรทำความเข้าใจ ใช้ความอดทน และอย่าใช้อารมณ์ดุ ด่า หรือตะคอกใส่น้องแมวเด็ดขาด
การดุ ตะคอก หรือเสียงดังเป็นสิ่งที่แมวไม่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งทำให้แมวของเราเกิดการจดจำ ส่งผลต่อความรู้สึกในแง่ลบที่ไม่ดีต่อเราเอง บางครั้งอาจเกิดการต่อต้านในพฤติกรรมที่รุนแรง ทำให้เจ้าของอาจจะต้องอดทน หากลยุทธ์อื่นๆ ไม่ใช่ว่าการดุแล้วตะคอกน้องแมวแล้วเขาจะไม่ทำในสิ่งที่เราว่า อย่างไรเสียต้องนำสิ่งอื่นๆ เพื่อมาหลอกล่อให้น้องแมวฟังเรามากขึ้น เพราะอย่างไรก็ตาม หากดุ หรือตะคอกเสียงดัง แมวก็จะทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ดี สู้หาวิธีอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาดีกว่า
- ห้ามจับแมวรุนแรง หรือจกพุงแมว
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า “แมวมีนิสัยและพฤติกรรมส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไป” แมวบางตัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ติดคน ชอบให้จับ ชอบให้เกา แต่ก็มีแมวจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบให้มนุษย์ หรือเจ้าของแตะต้องตัว
ดังนั้นแล้วหากต้องการจับเจ้าแมว ต้องค่อยๆ เข้าหาอย่างช้าๆ ห้ามจับแรง หาขนม หรืออาหารมาล่อเพื่อให้เขารู้ว่าหากเราจับเขา เขาจะได้ของกินเป็นการตอบแทน ผู้เลี้ยงจึงอาจจะต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ช้าๆ
อย่างไรก็ตาม แมวบางตัวก็อาจจะไม่ยอมให้มนุษย์อย่างเราๆ จับตัวเลยก็มี ซึ่งห้ามไปบังคับฝืนใจจับตัวเขาเด็ดขาด หรือบางตัวอาจจับตัวได้บ้าง แต่อย่าไปจับตรงพุงแมวเด็ดขาด เพราะพุงแมวเป็นส่วนที่เปราะบางของแมว ผู้เลี้ยงเองอาจจะได้แผลกลับมาโดยไม่รู้ตัว เพราะส่วนพุงของแมวเป็นส่วนที่เขาหวงแหนมากที่สุด
- ห้ามโยนแมวจากที่สูง
บ่อยครั้งที่เราเห็นแมวตกลงมาจากที่สูงๆ ก็สามารถพยุงตัวได้ หรือไม่เกิดเหตุการณ์อะไรที่รุนแรง ซึ่งเรื่องนี้อาจขึ้นอยู่กับสายพันธุ์แมวนั้นๆ น้ำหนักตัว และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
การแกล้งแมวโดนการโยนจากที่สูงๆ ลงมา อาจทำให้เจ้าแมวนั้นตกใจ และอาจเกิดการกระแทก อักเสบ ในเรื่องของกระดูกจนเกิดการเจ็บตัวได้ นอกจากนี้แล้วทำให้แมวเกิดการจดจำว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องอันตราย ส่งผลต่อพฤติกรรมของเขาในส่วนอื่นๆ ได้เช่นกัน
- ห้ามลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกาย
หนึ่งในสิ่งที่ต้องห้ามทำกับน้องแมวโดยเด็ดขาด เพราะการลงโทษด้วยการตบตีแมว อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่คาดไม่ถึง ตั้งแต่ภายนอกและภายในสู่น้องแมวได้
...
นอกจากนี้แมวยังเกิดการจดจำจากสัตว์ที่น่ารักติดเจ้าของ อาจทำให้มองตัวผู้เลี้ยงเปลี่ยนไป ไม่อยากเข้าใกล้ หรือกลัวเจ้าของจนเกิดความเครียดก็เป็นไปได้ หนทางที่ดีที่สุด คือ การค่อยๆ เข้าหา และเรียนรู้พฤติกรรม โดยใช้วิธีแก้ไขในรูปแบบอื่นจะดีและเห็นผลมากกว่า