จากการทุ่มเททำงาน เรียน รวมถึงใช้ชีวิตอย่างหนักมาตลอดทั้งปี 2566 คนจำนวนไม่น้อยอาจพบเจอมรสุมชีวิต หรือเรื่องราวที่ชวนให้ปวดหัว เบื่อหน่าย อยากจะระบายความอึดอัดใจให้มันสุดโต่งแต่ก็ทำไม่ได้ ที่นิทรรศการ Good Mood เปิด “สนามอารมณ์” ให้ทุกคนได้มาระบายได้อย่างสาสม เพื่อเป็นพื้นที่ปลดปล่อยและเรียนรู้อารมณ์ตัวเองไปพร้อมกัน

จุดเริ่มต้นของ สนามอารมณ์

ที่มาของ Good Mood มาจากการร่วมมือระหว่าง Eyedropper Fill และ Good Hood ที่ต้องการสร้างสรรค์พื้นที่และช่วงเวลาดีๆ ส่งท้ายปี 2566 ที่ชวนให้คนเจ้าอารมณ์ทั้งหลายมาลงเล่นด้วยกันในสนามหลากอารมณ์ พร้อมปล่อยจอย ปล่อยใจไปกับกิจกรรมชวนทำในรูปแบบประสบการณ์อินเทอร์แอ็กทีฟ 5 โซน 5 อารมณ์ ได้แก่

  • GOOD RAGE เตะ ต่อย กระสอบทราย ระบายความโกรธที่สะสมมาทั้งปี
  • GOOD JOY คาราโอเกะแบบตะโกน แบบแหกปากพร้อมกัน 16 ไมค์
  • GOOD TEAR เศร้าทิพย์ เศร้าจริง กับเพลย์ลิสต์เพลงเศร้าที่เราเลือกมาแล้วว่าเศร้าสุดๆ
  • GOOD LOVE พื้นที่ให้คนเหงาลองเข้ามาตามหาคนที่ใช่ จะตั้งใจหาคู่ หรือจะดูลาดเลาก่อนก็ไม่ติด
  • GOOD TOGETHER นั่งปล่อยใจ ปล่อยจอย ในพื้นที่กลางหลากหลายอารมณ์

เบสท์-วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย Creative Director ของ Eyedropper Fill เผยกับทีมข่าวไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ว่าก่อนที่จะมาทำนิทรรศการ Good Mood นั้น เขาเคยทำนิทรรศการ “พาใจกลับบ้าน” (HOMECOMING) ซึ่งเป็นนิทรรศการศิลปะเชิงประสบการณ์ที่ผสมผสานกับสุขภาพจิตมาก่อน และได้การตอบรับดีมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ที่ต้องแบกรับภาระและความรู้สึกหลายอย่างจากคนรอบข้าง

จั๊วะ-นันทวัฒน์ จรัสเรืองนิล (ซ้าย) และ เบสท์-วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย (ขวา) นำประสบการณ์จากนิทรรศการพาใจกลับบ้านมาต่อยอดใน Good Mood
จั๊วะ-นันทวัฒน์ จรัสเรืองนิล (ซ้าย) และ เบสท์-วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย (ขวา) นำประสบการณ์จากนิทรรศการพาใจกลับบ้านมาต่อยอดใน Good Mood

...

จากนั้นก็มาคุยกับทีม Good Hood ซึ่งจัดนิทรรศการที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และอาหาร จึงได้มีไอเดียร่วมกันที่ต้องการต่อยอดนิทรรศการที่เกี่ยวกับสุขภาพจิต เหมือนพาใจกลับบ้านที่เคยประสบความสำเร็จ แต่พลิกรูปแบบให้มีความสนุกสนานขึ้น

“สิ่งที่เราคิดว่าต่อยอดคงเป็นเรื่องที่เราเห็นว่าคนให้ความสำคัญเกี่ยวกับภาวะอารมณ์ในยุคปัจจุบันมากขึ้น เพราะผมคิดว่าสถานการณ์หลังโควิดมันมีผลต่อภาวะอารมณ์คน เพราะมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ ผมพบว่าคนรอบตัวเป็นซึมเศร้าเยอะ แล้วเราเห็นว่าวัฒนธรรมไทย คนไม่ค่อยพูดเรื่องภาวะอารมณ์ข้างในจิตใจ ไม่ค่อยได้มีพื้นที่ในการค้นหาข้างใน ก็เลยคิดว่าจากโปรเจ็คต์พาใจกลับบ้านเราเห็นปรากฏการณ์ว่าคนให้ความสนใจเรื่องภาวะอารมณ์มาก เราก็เลยรู้สึกว่าอันนี้เป็นคีย์เลยที่เราต่อยอด ว่าเราจะ Good Mood ได้มันไม่ใช่การหนี แต่คือการเผชิญหน้าต่ออารมณ์เหล่านั้น ในทีท่าที่มันสนุก” เบสท์ กล่าว

GOOD RAGE เตะ ต่อย กระสอบทราย ระบายความโกรธที่สะสมมาทั้งปี
GOOD RAGE เตะ ต่อย กระสอบทราย ระบายความโกรธที่สะสมมาทั้งปี

ด้าน จั๊วะ-นันทวัฒน์ จรัสเรืองนิล Project Director ของ Eyedropper Fill ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับนิทรรศการพาใจกลับบ้านครั้งที่ผ่านมาว่า หลังจากที่จัดไป 1 เดือน พบว่ามีคนเข้าชมนิทรรศการนี้กว่า 40,000 คน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ

GOOD LOVE พื้นที่ให้คนเหงาลองเข้ามาตามหาคนที่ใช่
GOOD LOVE พื้นที่ให้คนเหงาลองเข้ามาตามหาคนที่ใช่

“งานพาใจกลับบ้าน น้องๆ Gen Z ให้ความสนใจมาก เวลาที่เขารู้สึกแย่ก็จะมีทางออกในแบบตัวเอง ไม่ว่าจะหาหมอไปเลยหรือจะหนีไปเที่ยว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่เดิม เหมือนเป็นภาวะที่ไม่ชอบวันจันทร์ แต่จริงๆ แล้วในทางสุขภาพจิตคือต้องอยู่กับมันให้ได้ ก็เลยรู้สึกว่ามันต่อยอดในแง่ของการมีพื้นที่นี่แหละ เราเห็นช่องว่างตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็น สายลึกแบบงานพาใจกลับบ้าน หรือแค่ผิวๆ แบบสนุกๆ อย่างงาน Good Mood ที่หันไปเจอคนนะ กลับบ้านไปแล้วใจฟูอะไรแบบนี้ ซึ่งหลังจากที่เราทำโปรเจกต์พาใจกลับบ้านไป นิทรรศการฮีลใจก็เกิดขึ้นเต็มเลย เพราะว่าคนเขาเห็นแล้วจริงๆ ว่านิทรรศการฮีลใจมันดีนะ ไม่ใช่แค่ฮีลใจในทวิตเตอร์ หรือในสเตตัสเฉยๆ”

...

GOOD JOY คาราโอเกะแบบตะโกน แบบแหกปากพร้อมกัน 16 ไมค์
GOOD JOY คาราโอเกะแบบตะโกน แบบแหกปากพร้อมกัน 16 ไมค์

รูปแบบของ Good Mood จะเป็นนิทรรศการอินเทอร์แอ็กทีฟ โดยแบ่งออกเป็น 5 โซนที่สะท้อนถึงอารมณ์ในด้านต่างๆ ทั้ง โกรธ เศร้า เหงา รัก สนุก และโซนปล่อยใจตามความรู้สึก เพื่อให้ทุกคนที่มาร่วมงานได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่ตัวเองเคยอัดอั้นมาตลอดทั้งปีลงในพื้นที่แห่งนี้

จั๊วะ บอกกับเราว่านิยมของงาน Good Mood คือ “สนามอารมณ์ปลายปี” เพื่อให้ทุกคนที่ไม่ว่าจะรู้สึกเศร้าเหงาซึมเรื่องอะไรมา แต่มาที่นี่แล้วทุกคนจะรู้ว่าเราไม่ได้รู้สึกแบบนี้อยู่คนเดียว

...

พื้นที่ฮีลใจของ “เดอะแบก”

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของงาน Good Mood ที่พวกเขาตั้งไว้คือกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งไม่ได้แบ่งด้วยอายุแต่แบ่งด้วยภาระหน้าที่ที่คนกลุ่มนี้ต้องแบกรับ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีนิยามว่าเป็น “แซนด์วิชเจเนอเรชัน” ที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากหลายๆ ด้าน ทั้งการทำงาน ครอบครัว หรือแม้แต่ตนเอง

โซน GOOD TEAR พื้นที่ปล่อยความเศร้าผ่านเพลย์ลิสต์ดำดิ่ง
โซน GOOD TEAR พื้นที่ปล่อยความเศร้าผ่านเพลย์ลิสต์ดำดิ่ง

“คนกลุ่มนี้มักโดนกดทับจากด้านบนคือ เจ้านาย คุณพ่อคุณแม่ และความคาดหวังของสังคม ด้านล่างอาจจะเป็นตัวเอง ลูกน้อง หรือลูก ทำให้คนในกลุ่มนี้เป็นช่วงวัยที่มีภาวะความกดดันสูง แล้วเราเห็นอาการของพวกเขาแสดงออกบนออนไลน์ที่กลายเป็นสนามอารมณ์ให้ไปถล่มใคร เราเลยคิดว่าถ้าเราสร้างพื้นที่หนึ่งที่รองรับภาวะอารมณ์เขาได้มาระบายออก ผมคิดว่ามันน่าจะช่วยให้เขาใช้ชีวิตได้ลื่นขึ้น” เบสท์ กล่าว

...

เขามองว่าการมีพื้นที่ให้คนได้มาปลดปล่อยอารมณ์อย่าง Good Mood จะช่วยลดความเครียดและความกดดันที่คนกลุ่มนี้ต้องแบกรับ โดยไม่ต้องไปลงกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็น คนในครอบครัว หรือบนท้องถนน ซึ่งพื้นที่แบบนี้จะทำให้เขาได้เห็นอารมณ์ของตนเองชัดเจนขึ้น

GOOD TOGETHER พื้นที่ส่วนกลางของทุกอารมณ์ ให้โพสต์ แชร์ โหวต กับมู้ดที่มีร่วมกัน
GOOD TOGETHER พื้นที่ส่วนกลางของทุกอารมณ์ ให้โพสต์ แชร์ โหวต กับมู้ดที่มีร่วมกัน

“ในงาน Good Mood เราจะสะท้อนให้เห็นว่าการที่เราปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเราเห็นอะไรจากสิ่งนั้นบ้าง
เมื่อเขาตระหนักถึงอารมณ์ ก็ทำให้เรารับรู้ถึงอารมณ์ข้างในตัวเองด้วย เพราะเรื่องอารมณ์เป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่เราจะรู้ทันตัวเอง แต่เราคิดว่าถ้ามีพื้นที่ให้เราได้สาดอารมณ์ลงไป จะช่วยให้คนตระหนักถึงอารมณ์ตัวเองมากขึ้น”

อนาคตของพื้นที่ฮีลใจ

สิ่งที่พวกเขาคาดหวังจาก Good Mood ไม่ใช่แค่เพียงจำนวนคนที่ให้ความสนใจงานนี้เท่านั้น แต่อยากให้ทุกคนได้เข้ามาเห็นและสัมผัสบรรยากาศข้างในว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการได้ต่อยอดพื้นที่แห่งการปลดปล่อยอารมณ์รูปแบบนี้ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นช่วงสิ้นปีเท่านั้น ในระหว่างปีก็สามารถทำได้

นอกจากนี้ ยังคาดหวังการต่อยอดไปถึงรูปแบบเชิงธุรกิจที่ผูกกับคอนเทนต์ของแบรนด์ต่างๆ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผ่านอารมณ์ได้ รวมไปถึงการหาสถานที่ให้ผู้คนได้มาฮีลใจ หรือปลดปล่อยอารมณ์แบบถาวร ไม่ใช่แค่การจัดนิทรรศการชั่วคราว ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่ดูความเหมาะสมในหลายๆ ด้านว่าจะสามารถทำในรูปแบบไหนได้บ้างในอนาคต

สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ระบายอารมณ์ ปลดปล่อยพลังความเครียด ความกดดันที่สั่งสมมาทั้งปี สามารถมาร่วมงาน Good Mood ได้ในวันที่ 15-17 ธันวาคม นี้ ที่โกดังเสริมสุข (Sermsuk Warehouse) ตั้งแต่ 14.00-23.00 น. โดยซื้อบัตรเข้างานได้ที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์

ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี