ปัจจุบัน สกิลด้านภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เด็กๆ ยุคใหม่ โดยเฉพาะวัยเรียนต่างให้ความสำคัญ เพราะสกิลภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการพูด อ่าน หรือเขียนที่วัดผลเป็นคะแนนผ่านการสอบวัดระดับต่างๆ เช่น IELTS, TOEFL, TOEIC หรือข้อสอบที่ออกจากสถาบัน ล้วนสร้างโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลที่กว้างขวางมากขึ้น ทั้งยังสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศได้หลากหลายที่ทั่วโลกเลย!

และเพื่อพัฒนาสกิลด้านภาษาอังกฤษให้เต็มที่ เด็กๆ วัยเรียนหลายคนจึงเลือกเรียนภาษาอังกฤษเสริมหรือเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมที่อยู่นอกเหนือจากหลักสูตรในห้องเรียน อย่างการเลือกเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพราะเรียนได้สะดวก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์สื่อสาร และโปรแกรมสำหรับการเรียนรู้ก็สามารถเรียนได้ง่ายๆ แล้ว แถมยังประหยัดเวลาและการเดินทางอีกด้วย สำหรับวัยเรียนคนไหนที่มีแพลนกำลังจะเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกที่ไหนดี เรียนไปแล้วจะตอบโจทย์ช่วยอัปสกิลภาษาอังกฤษของตนเองได้ไหม วันนี้เรามี 5 เทคนิคเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์มาฝากวัยเรียนทุกคนแล้ว ไปดูกัน!

1. ที่เรียนภาษาอังกฤษและผู้สอนต้องมีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน

เทคนิคแรกในการเลือกสถานที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ คือ ที่เรียนภาษาอังกฤษและผู้สอนต้องมีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์นี้มีประสิทธิภาพ พร้อมจะช่วยเราอัปสกิลด้านภาษาอังกฤษได้จริงๆ สำหรับวิธีเช็กความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของสถาบันและผู้สอนให้ถี่ถ้วน สามารถเช็กได้ง่ายๆ ด้วยตนเองตามนี้เลย

⦁ เช็กว่าที่เรียนภาษาอังกฤษเปิดมานานหรือยัง มีประสบการณ์หรือไม่

เช็กประวัติความเป็นมา แนวคิด และแนวทางการสอนของที่ที่เรียนออนไลน์ว่าเปิดมานานแค่ไหนแล้ว มีประสบการณ์ในการสอนภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด โดยที่ที่เรียนออนไลน์ที่เปิดมานาน มักจะมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ พัฒนาหลักสูตรได้เข้มข้นมากกว่าที่เรียนออนไลน์ที่เปิดใหม่ๆ เพราะผ่านการทดสอบและลองผิดแล้วถูกมาแล้วนั่นเอง

⦁ เช็กประวัติและความสามารถในการสอนภาษาอังกฤษของผู้สอน

เช็กประวัติและความสามารถในการสอนภาษาอังกฤษของผู้สอนด้วยผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียสถานที่เรียนนั้นๆ ผู้สอนเรียนจบด้านไหนและระดับไหนมา ซึ่งควรเป็นระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ เช่น เรียนจบด้านอักษรศาสตร์ โปรแกรม International หรือมีคะแนนวัดผลทางภาษาอังกฤษที่สูง ยิ่งถ้ามีประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลานาน เราก็สามารถมั่นใจที่จะเรียนกับที่นี่มากขึ้น

⦁ เช็กรีวิวจากผู้เรียนอื่นๆ

เช็กรีวิว หรือ Testimonials ของผู้เรียนในอดีตไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีผลลัพธ์การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับสถาบันนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เรียนจบไปแล้วได้ผลลัพธ์ดีหรือไม่ คุ้มค่า คุ้มราคากับที่จ่ายไปไหม วิธีการสอนและผู้สอนแต่ละคนเป็นไงบ้าง หากสถาบันไหนมีรีวิวดี ก็มั่นใจได้ในระดับนึงว่าน่าจะเข้ากับเราได้นั่นเอง

2. มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษได้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์เราได้

เชื่อว่าวัยเรียนแต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างกัน ต้องการอัปสกิลต่างกัน บางคนอยากเน้นการเขียน บางคนอยากเน้นการพูด บางคนอยากเน้นการทำข้อสอบมหาวิทยาลัย ดังนั้นควรเลือกที่เรียนออนไลน์ที่สอดคล้อง หรือตอบโจทย์กับเป้าหมายในการเรียนของเราให้มากที่สุด โดยควรเข้าไปเช็กคอร์สเรียนว่ามีแบบไหนบ้าง เช่น คอร์สเรียนสำหรับเน้นจุดใดจุดหนึ่ง คอร์สเรียนสำหรับคนไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ คอร์สเรียนตะลุยโจทย์ข้อสอบมหาวิทยาลัย เป็นต้น นอกจากนี้ควรมองหาเทคนิคที่โดดเด่นของที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ด้วย เช่น ใช้วิธีไหนในการสอน การเพิ่มสกิลภาษาอังกฤษให้แต่ละคน

3. เลือกรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เหมาะกับเรา

ในการเรียนแบบออนไลน์ก็มีให้เลือกทั้งแบบ VDO ที่บันทึกไว้แล้วฉายให้ดูตามเวลา เหมาะกับคนที่ต้องการกำหนดเวลาในการเรียนแบบชัดเจน ต้องการสมาธิ แบบ Live Streaming สอนสดแบบเรียลไทม์ เหมาะกับคนที่ต้องการ Interactive ชอบการโต้ตอบ สามารถถามคำถามกับผู้สอนได้ทันที หรือทั้งสองรูปแบบที่ผสมกัน คือ สอนสดๆ แล้วบันทึกคลิปนั้นให้ผู้เรียนมาเลือกดูย้อนหลังได้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนและทบทวนเนื้อหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับคนที่มีตารางเวลาการเรียนไม่แน่นอน อยากได้ความยืดหยุ่น เรียนตอนไหนก็ได้ ซึ่งแต่ละคนอาจมีความชอบ และความต้องการที่ไม่เหมือนกัน สถาบันไหนที่มีรูปแบบการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เหมาะกับเรา ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนให้แก่เราได้มากขึ้น

4. มี Certificate หลังเรียนให้ด้วยยิ่งดี

สำหรับวัยเรียนที่ต้องการอัปสกิลด้านภาษาอังกฤษ เพื่อไปใช้สะสม Portfolio ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยคณะต่างๆ หากเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ได้มาตรฐานก็มักจะมีใบประกาศนียบัตรหรือ Certificate ให้ด้วย ซึ่งจะช่วยรับรองผลการเรียน และอาจนำมาเทียบกับคะแนน CEFR หรือเกณฑ์มาตรฐานสากลที่ใช้อธิบายระดับความเชี่ยวชาญทางภาษา เพิ่มโอกาสในการถูกคัดเลือกให้เข้ารับการศึกษาในสาขาและมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ในระดับนึงเลย

5. พร้อมตอบคำถามและข้อสงสัยของเราเสมอ

ในการเรียนแบบออนไลน์ เช่น ขณะที่ดู VDO ที่บันทึกไว้แล้วฉายให้ดูตามเวลา เราอาจมีข้อสงสัยเกิดขึ้น ซึ่งไม่สามารถถามได้ทันทีเหมือนกับการเรียนสดๆ ดังนั้นเพื่อสร้างความเข้าใจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการภาษาอังกฤษให้มากที่สุด ที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดี ควรพร้อมตอบคำถามและข้อสงสัยของเราเสมอ เช่น คำถามเกี่ยวกับแบบฝึกที่ได้หลังคอร์สเรียน ข้อสงสัยที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน รวมถึงให้คำปรึกษาปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของเราได้อย่างตรงจุด โดยอาจจะเปิดให้สอบถามผ่านช่องทางการเรียน หรือผ่านโซเชียลมีเดียของสถาบันก็ได้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 เทคนิคเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เรานำมาฝากวัยเรียนทุกคน รับรองเช็กลิสต์ครบตาม 5 เทคนิคนี้ ได้ที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ถูกใจแน่นอน! ส่วนน้องๆ วัยเรียนคนไหนกำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีคอร์สให้เลือกหลากหลาย มีผู้สอนที่มากประสบการณ์ สามารถช่วยอัปสกิลภาษาอังกฤษทุกด้าน สถาบัน Enconcept เป็นทางเลือกการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์หนึ่งที่ตอบโจทย์ พร้อมให้คำปรึกษา ปูพื้นฐานด้วยเนื้อหาที่ครบครัน มีเทคนิคการสอนโดดเด่น ที่สำคัญยังเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08-0434-3838 หรือ Facebook: Enconcept E-Academy