รู้จักขนมไทยสูตร ต้นตำรับจาก ท้าวทองกีบม้า หรือ มารี กีมาร์ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเมนูขนมไทย ที่สืบทอดกันมาจวบจนปัจจุบัน เป็นหนึ่งในตัวละครจากพรหมลิขิต ที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ไทย

เมนูขนมไทย ของหวานซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างมากของประเทศไทย ที่แขกบ้าน แขกเมือง เดินทางมาท่องเที่ยวต้องได้ลิ้มลองสักครั้ง โดยขนมไทยนี้ได้รับอิทธิพลมาจากขนมโปรตุเกส จากประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นมหาอำนาจแห่งชาติตะวันตกในสมัยนั้น โดยคนไทยในสมัยก่อนได้นำเมนูเหล่านี้มาดัดแปลง โดยใช้วัตถุดิบพื้นถิ่น มาปรับแต่ง ดัดแปลง และประยุกต์ใช้จนเกิดเป็นขนมไทยที่เราได้รับประทานกันในปัจจุบัน

ผู้คิดค้นเมนูขนมไทยเหล่านี้มีชื่อว่า ‘ท้าวทองกีบม้า’, มารี กีมาร์ หรือ ตองกีมาร์ (มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา) ภรรยาของพระยาวิไชเยนทร์ ทั้ง 2 มีบทบาทอย่างมากในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท้าวทองกีบม้านั้นมีเชื้อสายโปรตุเกส ที่ได้อพยพมาลงหลักปักฐานในกรุงศรีอยุธยา จึงได้รับความรู้ และความสามารถทางด้านขนม จึงได้เริ่มหยิบจับ ถ่ายทอด คิดค้น เมนูขนมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย ณ เวลานั้น 

ฝีมือการทำขนมของ ท้าวทองกีบม้า เริ่มมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักจนได้รับตำแหน่งหัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ได้คิดค้นขนมไทยมากมายหลายชนิด จึงได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งขนมไทย"

...

ท้าวทองกีบม้านั้นเป็นหนึ่งในตัวละครที่ชีวิตอยู่จริง บนหน้าประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นจากละครบุพเพสันนิวาส (Love Destiny) และละครพรหมลิขิต (Love Destiny 2) ที่เพิ่งออกฉายไปเมื่อ 18 ตุลาคม 2566 เป็นตอนแรก โดยท้าวทองกีบม้า มักจะถูกเรียกจากแม่การะเกดในชื่อ "แม่มะลิ" เป็นตัวละครภาคต่อจากบุพเพสันนิวาส 

เปิดสูตรเมนูต้นตำรับขนมไทยของ ‘ท้าวทองกีบม้า’

ขนมสังขยา

ขนมห่อใบตอง ด้านในเป็นข้าวเหนียวมูน วางไข่หวานฉบับของประเทศไทยไว้ด้านบน มีความหอมหวาน นุ่มนวล เป็นเมนูที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชอบ สิ่งที่ต้องเตรียม ไข่ไก่, น้ำตาลปี๊บ, กะทิ, ใบตอง, ใบเตย, ข้าวเหนียวเขี้ยวงู, สารส้ม น้ำตาลทราย และแป้งข้าวเจ้า

ขั้นตอน 1 : การทำข้าวเหนียวมูน นำข้าวเหนียวเขี้ยวงู ที่ผ่านการแกว่งกับสารส้ม ไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน และล้างออก หลังจากนั้นจึงนำไปนึ่งต่อเพื่อให้ข้าวเหนียมมูนสุกเป็นเวลา 25-30 นาที 

ขั้นตอนที่ 2 : นำใบเตย น้ำตาล และกะทิ มาขยำรวมกันจนเข้าที่ เลือกแต่น้ำ โดยใช้ตัวกรอง แล้วจึงนำไปต้มให้เดือด

ขั้นตอนที่ 3 : ตอกไข่ ในส่วนผสมเป็นน้ำตาลมะพร้าว (น้ำตาลปี๊บ) พร้อมแป้งข้าวเจ้า และหัวกะทิ ใส่ใบเตยขยำลงไปให้ออกกลิ่นหอม พร้อมคนให้เข้ากันจนไข่ขึ้นฟู ใส่ใบเตยมัดลงไปขยำจนน้ำตาลละลายหมดและไข่ขึ้นฟู

ขั้นตอนที่ 4 : นึ่งให้ไข่ขึ้นฟูด้วยไฟกลาง แล้วนำข้าวเหนียว พร้อมไข่ที่นุ่มฟูเสร็จแล้ววางไว้บนใบตองพร้อมราดกะทิ พร้อมปิดให้มิดชิด

ฝอยทอง

ขนมหวานยอดฮิตในเมืองไทย มีรสชาติหวานฉ่ำ มีความนุ่มนวล ที่รับประทานกับอะไรก็อร่อย ใช้เพียงแค่ไข่เป็ด, ไข่ไก่, น้ำดอกมะลิ, ใบเตย และน้ำตาลทราย

ขั้นตอนที่ 1 : สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การแยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกัน และรีดไข่น้ำค้าง (ไข่ขาวส่วนด้านนอกที่มีลักษณะเหลว และใส กว่าไข่ขาวส่วนด้านใน มักจะอยู่ตรงด้านบนเปลือกไข่) เติมลงไปในไข่แดง เพื่อทำให้เส้นฝอยทองเหนียวนุ่ม ไม่ขาดง่าย พร้อมกับผสมไข่แดงให้เข้ากัน ไม่ต้องฟู แล้วจึงนำไปกรอกในผ้ากรอง

ขั้นตอนที่ 2 : เริ่มเคี่ยวน้ำเชื่อม ด้วยการนำน้ำตาลทราย น้ำดอกมะลิ และใบตองลงไปในหมอ เติมน้ำไม่ต้องเยอะ ตั้งไฟอ่อนบนกระทะทองเหลืองจนเดือด แล้วกรองดอกมะลิ รวมถึงใบตองออกแล้วเคี่ยวให้น้ำเชื่อมมีความข้นใส และรอให้เดือด

...

ขั้นตอนที่ 3 : ใช้ไข่แดงที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในน้ำเชื่อมเปิดไฟกลาง วนจนรอบกระทะ จากนั้นใช้ไม้ปลายแหลมพับครึ่งมาพักบนตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำเชื่อม และไม่ชุ่มจนเกินไป

ทองหยิบ

วิธีการทำทองหยิบ จะสามารถทำได้ง่ายกว่าฝอยทอง และขั้นตอนน้อยกว่า มีรสชาติที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ทานจะชอบทานขนมมีรูปทรงลักษณะใด โดยมีส่วนผสมแค่ 3 อย่าง ประกอบด้วย ไข่เป็ด, น้ำเปล่า และน้ำตาลทราย

ขั้นตอนที่ 1 : เทน้ำ และน้ำตาลรวมกันบนกระทะทองเหลือง ตั้งไฟอ่อน แล้วคนจนละลายเติมน้ำและน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟอ่อน คนจนละลายแล้วปิดไฟพักทิ้งไว้จนเย็นจากนั้นนำไปกรองกับผ้าขาวบางอีกหนึ่งรอบ แล้วนำลงกระทะทองเหลืองตั้งไฟกลาง 

ขั้นตอนที่ 2 : ผสมไข่แดงจนขึ้นฟู ค่อยๆ ตักหยอดลงในน้ำเชื่อม ไข่จะขึ้นรูปเป็นแพ พอสุกทั้งสองด้านให้ตักขึ้น นำมาพักไว้จนเย็นแล้ว จับจีบให้สวยงามตามใจชอบ 

ขนมหม้อแกงเผือก

...

หนึ่งเมนูที่ทำไม่ยากอย่างที่คิด มีความนุ่ม รสชาติ หวาน มัน เค็มอย่างเข้ากัน โดยใช้ส่วนผสมดังต่อไปนี้ ไข่เป็ด หัวกะทิ ใบเตย น้ำตาลโตนด ใบเตย หอมแดง และเผือก 

ขั้นตอนที่ 1 :  เจียวหอมแดงให้เหลือง แล้วนำไปพักไว้เพื่อใช้ในการตกแต่ง

ขั้นตอนที่ 2 : นำไข่ หัวกะทิ น้ำตาลโตนด และใบเตย มาขยำให้เข้ากัน เพื่อให้ออกกลิ่นที่หอม และคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย

ขั้นตอนที่ 3 : นึ่งเผือกให้สุก แล้วบดให้เนื้อมีความนวลเข้ากัน

ขั้นตอนที่ 4 : นำแม่พิมพ์ปูพื้นด้วยเผือกบด ตามด้วยส่วนผสมของไข่แดงที่เตรียมไว้มาเทลงไป พร้อมด้านบนหยดน้ำมันหอมเจียว คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ตักใส่ถ้วย แล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส รอจนสุก แล้วปิดท้ายด้วยหอมเจียว

ภาพ : susiroo, istock