ความกดดันของเด็ก ในช่วงกำลังเรียนรู้ และพัฒนาตนเอง เหมือนดาบสองคม ที่เป็นได้ทั้งเรื่องดี และไม่ดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนความคิด สุขภาพจิต ของเด็กได้ในอนาคตหากมีความกดดันที่มากจนเกินไป
‘ครอบครัว’ ถือเป็นหัวเรือหลัก ในการกำหนดทิศทาง พฤติกรรม และการเจริญเติบโตของเด็กเป็นอย่างมาก ทิศทางดังกล่าว คือ การเลี้ยงดู การเอาใจใส่ ดูแลและให้ความรู้ เพื่อให้เด็กๆ มีความคิด ความรู้ หน้าที่การงาน และนิสัยที่เพียบพร้อม ในการเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ
สิ่งที่กล่าวไปข้างต้นเป็นความคาดหวังจากครอบครัว จนบางครั้งผู้ปกครองอาจจะไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นกำลัง “กดดันเด็กมากจนเกินไป” ทำให้เด็กๆ เหล่านี้ เกิดความเครียดจากการถูกตีกรอบ และกดดัน จนเกิดการต่อต้าน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรม ความคิด และสุขภาพ
การสำรวจของ Pew Research Center พบว่า 64% ของชาวอเมริกัน เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงลูกโดย 'การไม่กดดัน' หันมาใส่ใจเด็กๆ มากขึ้น การที่ผู้ปกครองให้อิสระกับเด็ก และไม่กดดันเด็กเพื่อเกรดการเรียน กลายเป็นผลดีที่ทำให้เด็กเหล่านี้สามารถโชว์ประสิทธิภาพได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสวนทางกับการที่กดดันเด็กมากเกินไปอาจมีทำให้ผลงานที่ดีที่สุดของเด็กเหล่านี้ลดลง
แต่ยังมีอีกไม่น้อยที่เด็กบางคนอาจอยู่ภายใต้ความกดดันที่มากเกินไปจากผู้ใหญ่ ซึ่งความกดดันนี้ คือ ความคาดหวังต่อผลงานจากเด็กจะต้องทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง, การได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุด หรือได้รับทุนการศึกษาที่ดีที่สุด เป็นต้น
...
นอกจากการกดดันเด็กเรื่องการเรียนแล้ว ผู้ปกครองยังกดดันเด็กในด้านกีฬา ดนตรี การแสดง หรือกิจกรรมอื่นๆ โดยพ่อแม่ชอบใช้ความกดดัน มักจะให้ลูกๆ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและคาดหวังผลงานที่ดีที่สุดต่อกิจกรรมนั้นๆ โดยไม่ให้เวลาอิสระในการทำอย่างอื่น และไม่ได้พูดคุยอย่างจริงจังว่าลูกของตนนั้นชื่นชอบกิจกรรมที่ทำอยู่หรือไม่
ผลวิจัยนี้ทำให้ทราบว่า ในแต่ละครอบครัว มีความคิดเห็น และแนวทางในการดูแลลูกที่แตกต่างกัน แม้ว่าความคาดหวังที่สูงจะส่งผลที่เป็นแรงกระตุ้นที่ดีในด้านผลงาน แต่บางครั้งการกดดันเด็กอย่างต่อเนื่องอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อเด็กๆ รู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นไม่สนุกอีกต่อไป ซึ่งเป็นชนวนสำคัญที่สามารถทำลายอนาคตของตัวเด็กได้
ผลกระทบจากความกดดันที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็ก
- เสียสุขภาพทางจิต และสุขภาพทางกาย ได้ง่ายขึ้น
เด็กที่รู้สึกว่าตนอยู่ภายใต้ความกดดันตลอดเวลา อาจทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวล ความเครียด ทำให้เด็กเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า และสุขภาพทางจิตอื่นๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นที่ส่งผลได้ในระยะยาว
แม้แต่นักกีฬาที่รู้สึกกดดันมาก อาจทำผลงานได้ไม่ดี รวมถึงมักจะฝืนที่จะลงเล่นกีฬาต่อไป เพื่อสร้างผลงาน ทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่ความกดดันเหล่านี้อาจทำให้เด็กๆ เพิกเฉยต่อความเจ็บปวด เพื่อมุ่งเน้นในการทำผลงาน ทำให้จากอาการบาดเจ็บธรรมดา นำไปสู่ความเสียหายถาวรได้
- มีโอกาสเป็นคนคดโกงเพิ่มมากขึ้น
เมื่อจุดประสงค์ คือ ความสำเร็จมากกว่าการเรียนรู้ เด็กๆ มักจะหาช่องทาง หรือกลอุบาย เพื่อเป็นทางลัดในความสำเร็จ และทำให้ตนเองผ่อนคลาย ไม่มีความกดดันจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการสอบ หรือเลือกที่จะจ่ายเงินให้คนทำงานแทน ซึ่งอาจติดตัวกลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี และส่งผลต่ออนาคตได้
- หมดไฟ หมดแพชชั่น จากสิ่งที่ตนเองรัก
การโดนกดดันมากๆ และหากผลงานไม่เป็นไปดั่งหวัง ทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่เหมาะแก่เป้าหมายที่ชื่นชอบเหล่านี้แล้ว เลือกที่จะละทิ้งความกดดันทั้งหมดไปเลย ทำให้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่หมายความว่าเด็กๆ จะไม่มีโอกาสฝึกฝนทักษะของตนเองให้พัฒนาขึ้นได้อีกต่อไป
- โทษ และหมดหวังในตนเอง
การผลักดันให้เด็กๆ นั้นเก่งรอบด้าน หรือมีผลงานที่ดี หากเด็กๆ ทำไม่ได้ สามารถทำลายความมั่นใจของเด็กลงได้ทุกเมื่อ เพียงเพราะความเครียดจากความกดดันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กจะหันมาทำร้ายตัวเองด้วยการตัดพ้อ มีความคิดว่าพวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ หรือแม้แต่จะไม่มีวันดีพอด้วยซ้ำ จนกลายเป็นการโทษตัวเองที่ส่งผลลุกลามไปยังเรื่องอื่นๆ ต่อคุณภาพชีวิตของเด็กได้
- อดนอนเสียสุขภาพ และขี้เกียจกว่าเดิม
เด็กที่รู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลาในการทำผลงานให้ดี เด็กจะตั้งใจเป็นพิเศษ ทำให้ร่างกายได้รับความเหนื่อยล้าสะสมจนเกิด ‘การอดนอน’ ซึ่งไม่ส่งผลที่ดีต่อสุขภาพในตัวเด็กอย่างแน่นอน หรือการที่กดดันมากจนเกินไป ทำให้ไฟแห่งความตั้งใจ กำลังมอดดับลงด้วยความเหนื่อยล้า ซึ่งหากดับลงแล้ว จะไม่สามารถจุดมันติดขึ้นมาได้อีก ดังนั้นหากกดดันเด็กมากจนเกินไปเด็กอาจจะเกิดการต่อต้านที่แสดงออกเป็นความขี้เกียจ และไม่อยากทำอะไรแทนได้เลย
...
ผู้ปกครองควรดูแลลูกอย่างไร เพื่อลดความกดดันจากเด็ก
- การไม่กดดันเด็กๆ มากจนเกินไป
เปลี่ยนจากความกดดันตลอดเวลา ให้มีช่วงเวลาให้เขาได้พักผ่อน ทำสิ่งที่อย่างทำบ้าง ที่นอกจากจะเป็นการสร้างสุขภาพจิตที่ดีแล้ว ยังสามารถขับประสิทธิภาพของเด็กได้มากยิ่งขึ้น
- พูดคุย ให้คำแนะนำในสิ่งที่ลูกต้องการ อย่างถูกต้อง
สังเกตลูกๆ ของคุณให้บ่อยครั้ง และหมั่นส่งเสริม ให้ความรู้ กำลังใจอยู่บ่อยๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกไม่โดดเดี่ยว ได้รับความเข้าใจ แถมยังได้ชุดความรู้ใหม่ไปประมวลผลเพื่อการเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ทำให้ลูกๆ กล้าจะเข้าหา และพูดกับตัวคุณมากกว่าเดิม
- มอบความช่วยเหลือทุกครั้ง
หากเรากดดันเด็กๆ แต่ไม่เคยให้ความช่วยเหลือเลย คงเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจไม่น้อย เพราะเด็กเหล่านี้มักจะมีที่พึ่งไม่มากนัก ความช่วยเหลือจึงเป็นสิ่งสำคัญ และสามารถสร้างแรงผลักดัน กำลังใจใหม่ๆ ที่ทำให้เขาตั้งใจ และกล้าทำในสิ่งที่ชอบต่อไปโดยไม่ลังเล
...
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในบ้าน
หนึ่งสิ่งสำคัญในการกำหนดทิศทางของเด็กๆ ในช่วงของการเรียนรู้ ผู้ปกครองควรวางแผนสร้างบรรยากาศในบ้านให้ผ่อนคลาย มีความเป็นมิตรต่อสุขภาพจิต และสุขภาพกายของเด็กๆ เป็นสำคัญ เช่น การทำอาหารให้เขาทานเป็นมื้อพิเศษ ทำกิจกรรมยามว่างด้วยกัน พาครอบครัวไปผ่อนคลาย และอีกมากมาย เพราะการที่มีสภาพแวดล้อมในบ้านที่ดีเพียงเท่านี้อาจทำให้เด็กโตมาอย่างอบอุ่น และมีคุณภาพที่เพียงพอ มากกว่าการกดดันอย่างแน่นอน
ภาพ : istock
ข้อมูล : verywellfamily