เปิดคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ของประเทศไทย ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ นั้นต้องมีเกณฑ์อย่างไรบ้าง หลังมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย

นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกเสนอชื่อ ผ่านการโหวต และเข้าพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน และเรื่องที่น่าสนใจ เป็นที่น่าติดตามต่อว่าสำหรับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ของ นายกเศรษฐา ทวีสิน ใครจะมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ บ้าง 

การที่จะได้มาซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นต้องผ่านเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 60 และต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง จากข้อมูลของสถาบันพระปกเกล้า ได้กล่าวถึง ความสำคัญของคณะรัฐมนตรี ไว้ดังต่อไปนี้ คณะรัฐมนตรีมีความสำคัญในทางกฎหมาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นองค์กรฝ่ายบริหาร ที่มีหน้าที่บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ความสำคัญของคณะรัฐมนตรีในทางการเมืองเพราะถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางการเมืองในการบริหาร และบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย

คณะรัฐมนตรีจึงถือเป็นกลุ่มองค์กรที่มีอำนาจในการกำหนดทิศทางในการบริหารประเทศ เพราะต้องดำเนินการตามแนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ตามที่ระบุไว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 

พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติคณะรัฐมนตรีไว้ในหมวด 8 ตั้งแต่มาตรา 158-183 ในส่วนนี้จะกล่าวถึงองค์ประกอบ คุณสมบัติ เงื่อนไขก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ทรงใช้ผ่านทางคณะรัฐมนตรี หลักการรับสนองพระบรมราชโองการ และเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทน ในส่วนของอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีจะกล่าวถึงไว้ในส่วนของอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

...

ผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรี” จะต้องเป็นบุคคลที่ได้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยบุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ “เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง” เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้รัฐมนตรีต้องผ่านการกรองขั้นแรก และต้องไม่มีลักษณะการประพฤติตนตาม 18 ข้อนี้ ดังต่อไปนี้

1. ติดยาเสพติดให้โทษ 

2. เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 

3. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 

4. เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 96 (1) (2) หรือ (4) 

5. อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 

6. ต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 

7. เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 

8. เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 

9. เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต 

10. เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 

11. เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 

12. เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง 

13. เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 

14. เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี 

15. เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจหรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 

16. เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 

17. อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 

18. เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรคสาม

องค์ประกอบของ ‘คณะรัฐมนตรี’

องค์ประกอบของคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีไว้ในมาตรา 158 “พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน” 

คณะรัฐมนตรีจึงมีความสำคัญ เพราะถูกแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกันกับ นายกรัฐมนตรี ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวน 20 กระทรวง ส่งผลให้ต้องมีรัฐมนตรีได้จำนวน 20 คน เพื่อทำหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชางานทั้ง 20 กระทรวง

เงื่อนไขก่อนดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรี

  • การถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนดำรงตำแหน่ง
  • การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี

คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ ‘คณะรัฐมนตรี’

มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 

...

มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี 

สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 

มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 

ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 

ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษเว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท 

ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง 

เงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญในการสิ้นสุดคุณสมบัติ ‘คณะรัฐมนตรี’ ดังนี้

(ตามมาตรา 170 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว) 

1. ตาย 

2. ลาออก 

3. สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่ไว้วางใจ 

4. ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 

5. กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 

6. มีพระบรมราชโองการให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 171

ข้อมูล : สถาบันพระปกเกล้า, รัฐสภาไทย, ราชกิจจานุเบกษา

ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์