กสพท หรือ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย มีหน้าที่ทำอะไร ก่อนจะสอบ กสพท ในปี 2567 ควรเตรียมตัวอย่างไร มีเงื่อนไข และกฎเกณฑ์อะไรบ้าง
กสพท มีชื่อย่อมาจาก กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นการร่วมกลุ่มกันของแพทย์ทั้ง 4 คือ คณะประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์, คณะทันตแพทยศาสตร์, คณะเภสัชศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ เพื่อการคัดเลือกนักศึกษาแพทย์เข้าสู่ 4 หลักสูตรข้างต้น รวมทั้งทาง กสพท มีหน้าที่ในการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ของผู้สมัคร ตั้งแต่การคัดเลือก จวบจนไปถึงการสัมภาษณ์ โดยเงื่อนไข และรายละเอียด อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกๆ ปี
ผู้สมัครปี 2567 ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
คะแนนวิชา TPAT1 30%
คะแนน A-Level 7 วิชาหลัก 70% (ขั้นต่ำของแต่ละกลุ่มวิชา = 30%) จัดสอบโดย ทปอ. ในวันที่ 16-18 มีนาคม 2567 มีดังต่อไปนี้
- วิทยาศาสตร์ ทั้ง 3 วิชา ประกอบด้วย วิชาฟิสิกส์, วิชาเคมี, และวิชาชีววิทยา 40%
- คณิตศาสตร์ 1 20%
- ภาษาอังกฤษ 20%
- ภาษาไทย 10%
- สังคมศึกษา 10%
กำหนดการสอบ กสพท ปี 2567
วันที่ 1-20 กันยายน 2566 : เปิดรับสมัคร
วันที่ 23 กันยายน 2566 : ดำเนินการชำระเงินได้ถึง 23.00 น. ของวันที่ 23 กันยายน 2566 จากนั้นตรวจสอบสถานะการชำระเงิน และตรวจสอบความถูกต้อง
วันที่ 29 กันยายน 2566 : กรณีแก้ไขเอกสารไม่สมบูรณ์ ภายใน 16.00 น. ของวัน
วันที่ 1-16 ธันวาคม 2566 : พิมพ์บัตรประจำตัวเข้าสอบ
...
วันที่ 16 ธันวาคม 2566 : สอบวิชา TPAT1 เวลา 8.30-12.30 น.
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 : ประกาศคะแนนวิชา TPAT1
วันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2567 : ผู้สอบสามารถยื่นคำร้องขอตรวจสอบคะแนนวิชาเฉพาะ
วันที่ 16-18 มีนาคม 2567 : สอบ A-LEVEL
วันที่ 6-12 พฤษภาคม 2567 : สมัคร และชำระเงินผ่านระบบ TCAS67
วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 : ทปอ. ประกาศผลการคัดเลือกรอบที่ 3 ครั้งที่ 1 ยืนยันสิทธิ์ วันที่ 20-21 พฤษภาคม 2567
วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 : ทปอ. ประกาศผลการคัดเลือกรอบที่ 3 ครั้งที่ 2
สถาบันสอบสัมภาษณ์ และตรวจสุขภาพ ตามเงื่อนไขของแต่ละสถาบันนั้นๆ จะกำหนด
ข้อมูลอัปเดตในวันที่ 8 ส.ค. 2566 ยอดรับรวม 2,380 คน (จำนวนอาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง)
คุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครเข้าเรียนหลักสูตรที่เข้าร่วมกับ กสพท ปีการศึกษา 2567
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
1. ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติที่จะปฏิบัติงานในส่วนราชการ หรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐได้หลังจากจบการศึกษาแล้ว โดยต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียว หรือสัญญาปลายเปิดกับรัฐบาล ตามระเบียบเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย
2. ผู้สมัครต้องมีสุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการรักษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังนี้
- ปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น
- โรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย
- ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความพิการทางร่างกายอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง
- ความผิดปกติในการมองเห็นภาพ
- โรคหรือความพิการอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้
หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต
1. ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติที่จะปฏิบัติงานในส่วนราชการ หรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐได้หลังจากจบการศึกษาแล้ว โดยต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียว หรือสัญญาปลายเปิดกับรัฐบาล ตามระเบียบเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย
2. ผู้สมัครต้องมีสุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการรักษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังนี้
- ปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น
- โรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย
- ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความพิการทางร่างกายอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง
- ความผิดปกติในการมองเห็นภาพ
- โรคหรือความพิการอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้
หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
1. ต้องมีคุณสมบัติที่จะปฏิบัติงานในส่วนราชการ หรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐได้หลังจากจบการศึกษาแล้ว โดยต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียว หรือสัญญาปลายเปิดกับรัฐบาล ตามระเบียบเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย
2. ผู้ที่สอบผ่านข้อเขียน จะต้องสอบสัมภาษณ์ โดยต้องมีสุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการรักษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังนี้
- ปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น
- โรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย
- ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความพิการทางร่างกายอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง
- ความผิดปกติในการมองเห็นภาพ
- ภาวะตาบกพร่องทุกสี
- โรคหรือความพิการอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้
...
หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต
1. ผู้สมัครต้องมีสุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการรักษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังนี้
- ปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น
- โรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย
- ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความพิการทางร่างกายอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
- ความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง
- ความผิดปกติในการมองเห็นภาพ
- โรคหรือความพิการอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้
ข้อมูล : si.mahidol
ภาพ : istock