น้ำในทะเล และมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนมีอุณหภูมิที่สูงจนเป็นสถิติ จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา มีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศของโลก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุความแปรปรวนของภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และมีผลระยะยาวในอนาคต
บนโลกของเรามีพื้นที่ที่เป็นมหาสมุทรอยู่ประมาณ 71 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้มหาสมุทรนั้นเป็นตัวแปรที่สำคัญในการกำหนดสภาพภูมิอากาศของโลก ด้วยการผลิตออกซิเจน และดูดซับอุณหภูมิความร้อนของโลกที่เป็นหน้าที่หลัก
ปัจจุบันอุณหภูมิของน้ำทะเลและมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องมาจากการดูดซับความร้อนส่วนเกินจากผิวโลก โดยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบวงกว้างที่น่าเป็นห่วงในใต้ท้องทะเล ที่อาจส่งผลกระทบถึงมนุษย์บนชายฝั่งอีกไม่ช้า
สถานการณ์ล่าสุดมีการจดบันทึกสถิติอุณหภูมิของผิวน้ำโดย Copernicus ผู้ให้บริการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป พบว่า "อุณหภูมิของผิวน้ำพุ่งสูงถึง 20.96 องศาเซลเซียส หรือ 69.73 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยเป็นอย่างมาก"
...
อุณหภูมิที่สูงขึ้นของน้ำทะเล และมหาสมุทรในครั้งนี้มีข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ดังนี้
รัฐฟลอริดา มีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงถึง 38.44 องศาเซลเซียส (101 องศาฟาเรนไฮต์) มีอุณหภูมิเสมือนอยู่ในอ่างน้ำร้อน โดยอุณหภูมิปกติควรอยู่ระหว่าง 23 องศาเซลเซียส ถึง 31 องศาเซลเซียส ตามข้อมูลของ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)
เดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา น่านน้ำของสหราชอาณาจักรมีค่าเฉลี่ยที่สูง 3 ถึง 5 องศาเซลเซียส จากค่ามาตรฐานเดิม รายงานจาก Met Office และ European Space Agency
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ IPCC รายงานไว้ว่า ในช่วงปี พ.ศ.2525 ถึง พ.ศ.2559 มีคลื่นความร้อนในทะเลเพิ่มเป็นสองเท่า ทำให้อุณหภูมิของอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าอุณหภูมิของน้ำมหาสมุทรจะใช้เวลานานในการทำให้ร้อนขึ้น แต่ในปัจจุบันนี้มีสัญญาณว่าอุณหภูมิของน้ำทะเล และมหาสมุทรอาจสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ดร.คารินา วอน ชักมันน์ จาก Mercator Ocean International กล่าวว่า มีหนึ่งทฤษฎีที่ระบุว่าความร้อนที่ดูดซับมาจากอากาศจำนวนมากถูกกักเก็บไว้ในชั้นความลึกของมหาสมุทร แล้วค่อยๆ ปะทุออกมา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์เอลนีโญในปัจจุบัน ถึงแม้ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ทราบดีว่าสถานการณ์ของอุณหภูมิที่สูงขึ้นของพื้นผิวน้ำทะเลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าทำไมผิวน้ำทะเลจึงมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาก และรวดเร็วกว่าปีก่อนๆ
ดร.ซาแมนธา เบอร์เกส กล่าวว่า อุณหภูมิของน้ำมหาสมุทรสูงขึ้นได้จากการเผาผลาญเชื้อเพลิงของมนุษย์ ยิ่งมนุษย์เราส่งเชื้อเพลิงฟอสซิลมากเท่าไร ก็จะเป็นตัวแปรที่สำคัญของโลกที่ทำการดูดซับความร้อนส่วนเกินออกไปมากเท่านั้น ซึ่งการที่จะปรับสภาพผิวน้ำมหาสมุทรให้กลับมาเป็นปกติ อาจจะใช้ระยะเวลานานพอสมควร
ผลกระทบจากอุณหภูมิของน้ำมหาสมุทรที่สูงขึ้น
- อุณหภูมิที่สูงขึ้น ส่งผมให้การดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง ซึ่งทำให้ภาวะโลกร้อนของเรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
- น้ำแข็งจากขั้วโลกละลายเร็ว ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลนั้นสูงขึ้น
- ระบบนิเวศใต้ท้องมหาสมุทรแปรปรวน เช่น คลื่นความร้อนทำให้เกิดการส่งสัญญาณรบกวนไปยังฝูงปลา และวาฬ จนต้องอพยพเพื่อไปหาพื้นที่ใต้สมุทรที่มีอุณหภูมิน้ำที่เย็นขึ้น ทำให้พื้นที่เหล่านั้นมีห่วงโซ่อาหารที่แปรปรวน ทำให้จำนวนปลาลดลง รวมถึงปลาฉลามมีความเกรี้ยวกราดขึ้นจากอุณหภูมิของน้ำที่เปลี่ยนไป
- ผลกระทบทางธรรมชาติที่ส่งผลแบบลูกโซ่ต่อระบบนิเวศทั้งหมดบนโลก เช่น ป่าไม้ เทือกเขา ปะการัง ป่าชายเลน และอีกมากมาย จะมีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด
- ความแปรปรวนของสภาพอากาศ ที่อาจทำให้เกิดภัยทางธรรมชาติได้มากและถี่ขึ้น เช่น เอลนีโญ ลานีญา คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และน้ำท่วม
จากค่าเฉลี่ยอุณหภูมิของมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้นจนทำลายสถิติเมื่อปี 2016 ทำให้ปรากฏการณ์เอลนีโญนั้นทวีความรุนแรงเป็นอย่างมากในปีนี้ และคาดว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดปี ทำให้ปรากฏการณ์ที่เกิดทางธรรมชาติจะทวีคูณความรุนแรงตามไปด้วย เหตุการณ์นี้จึงเป็นนัยสำคัญที่มนุษย์โลกต้องตระหนักถึงเป็นอย่างยิ่ง.
...
ข้อมูล : bbc