“งาอุ้มบาตร” คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยที่กำลังเป็นข่าวดังในเวลานี้ ตามความเชื่อของชาวศรีลังกามีความเชื่อมโยงกับพุทธศาสนาอย่างไร

งาอุ้มบาตร กับความเชื่อของชาวศรีลังกา

ช้างงาอุ้มบาตร คือช้างที่มีลักษณะงาขนาดยาวและโค้งเหมือนแขนพระที่อุ้มบาตร ตามความเชื่อโบราณของชาวศรีลังกา เชื่อกันว่าช้างที่มีลักษณะงาแบบนี้เหมาะกับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระเขี้ยวแก้ว

งาอุ้มบาตร คือลักษณะที่โดดเด่นของพลายศักดิ์สุรินทร์ และตรงกับความเชื่อโบราณของศรีลังกา
งาอุ้มบาตร คือลักษณะที่โดดเด่นของพลายศักดิ์สุรินทร์ และตรงกับความเชื่อโบราณของศรีลังกา

พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยที่มอบให้ศรีลังกาเมื่อปี 2544 หรือเมื่อ 22 ปีก่อน มีลักษณะของ “งาอุ้มบาตร” ตรงตามความเชื่อดังกล่าว ด้วยความที่มีงายาวถึง 50 ซม. ทั้งสองข้าง ถือเป็นช้างที่มีงายาวที่สุดในศรีลังกา เนื่องจากช้างในศรีลังกาส่วนใหญ่จะมีงาสั้น ทำให้หาช้างที่มีลักษณะงาอุ้มบาตรอย่างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้ยาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลายศักดิ์สุรินทร์ถูกใช้งานอย่างหนักด้วยการเดินในขบวนแห่กว่าเดือนละ 30 ครั้ง จนขาซ้ายด้านหน้างอเข่าไม่ได้ และมีฝีขนาดใหญ่ด้านหลังทั้งสองแห่ง ทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพมานานกว่า 10 ปี และไม่มีการรักษาอย่างเหมาะสม

...

พลายศักดิ์สุรินทร์ เดินทางมาถึงสถาบันคชบาลแห่งชาติ ลำปางเพื่อตรวจสุขภาพ และรักษาอาการป่วย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พลายศักดิ์สุรินทร์ เดินทางมาถึงสถาบันคชบาลแห่งชาติ ลำปางเพื่อตรวจสุขภาพ และรักษาอาการป่วย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าวัตถุประสงค์การขอพลายศักดิ์สุรินทร์ของศรีลังกามีเอกสารระบุว่า ขอนำไปแห่พระบรมสารีริกธาตุ แต่เมื่อไทยมอบให้กลับส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ไปอยู่วัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวง นอกจากนี้ทางวัดยังล่ามโซ่ทั้งขาหน้าและขาหลังอย่างไม่เหมาะสม เนื่องจากโซ่ที่ล่ามมีระยะสั้น ทำให้ช้างขยับตัวลำบาก จึงไม่เหมาะสมกับสวัสดิภาพของช้าง ประกอบกับช่วงเวลานี้ศรีลังกาประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทำให้ช้างได้รับอาหารไม่เพียงพอ

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Rally for Animal Rights & Environment (RARE) ซึ่งเป็นองค์การด้านการพิทักษ์สิทธิสัตว์ในศรีลังกา ได้เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐบาลไทยเรียกคืนพลายศักดิ์สุรินทร์เพื่อส่งตัวกลับมารักษาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางรัฐบาลไทยได้ดำเนินการช่วยเหลือพลายศักดิ์สุรินทร์ โดยมีการประสานกับทางวัดที่ดูแล ด้วยการนำออกมาพักรักษาไว้ที่สวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบ ก่อนที่จะมีการประสานนำเครื่องบินมารับกลับสู่อ้อมกอดของแผ่นดินไทย และได้มาพักฟื้นร่างกายหลังถูกใช้งานมาอย่างหนักหน่วงเกือบ 22 ปี

และในวันนี้ (2 ก.ค. 2566) พลายศักดิ์สุรินทร์ ได้เดินทางกลับถึงสนามบินเชียงใหม่ ประเทศไทย อย่างปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีแผนนำ พลายศักดิ์สุรินทร์ ไปอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง หลังผ่านการกักโรคไปแล้ว 1 เดือน พร้อมเปิดให้คนที่ติดตาม พลายศักดิ์สุรินทร์ ได้เข้าไปชื่นชม และให้กำลังใจน้องช้าง และจะมีการถ่ายทอดสดของทางศูนย์อนุรักษ์ฯ เพื่อให้ผู้สนใจได้ติดตามการรักษาต่อไป

...

นอกจาก พลายศักดิ์สุรินทร์ แล้วยังมีช้างไทยอีก 2 เชือกที่ถูกส่งมาเป็นทูตสันถวไมตรีให้กับศรีลังกา คือ พลายประตูผา อายุ 49 ปี เป็นช้างตัวแรกที่ส่งมาเมื่อ 37 ปีก่อน และพลายศรีณรงค์ ที่ส่งมาพร้อมพลายศักดิ์สุรินทร์ ซึ่งทั้ง 2 เชือกมีการเลี้ยงดูที่ดีกว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ แต่ว่า พลายประตูผา ค่อนข้างมีสภาพร่างกายที่ชรามากแล้ว.

ภาพ: เอกลักษณ์ ไม่น้อย