อาชีพในฝันของแต่ละคน ไม่ใช่ว่าจะไขว่คว้ามาได้ง่ายๆ เหมือนอย่าง “มัชฌิมา ฟลอส” สาวน้อยลูกครึ่งไทย-ดัตช์ ที่ฝ่าด่านหินจนก้าวสู่เส้นทาง “นักบัลเลต์มืออาชีพ” ได้ในวัย 23 ปี ที่มีผลงานอยู่ในหนังโฆษณาแบรนด์ระดับโลกออกสู่สายตาผู้ชมไปแล้วอย่าง แอลจี หัวเว่ย หลุยส์ วิตตอง และความฝันยังไม่จบแค่นี้
ภาพสาวน้อยที่พาส่วนต่างๆ ร่างกายพลิ้วไหวได้อย่างสะกดสายตาของผู้ชม ในหนังโฆษณาของแบรนด์ดัง ที่ไล่เรียงมานั้น ทำให้เราอยากค้นหาว่า กว่าจะมีผลงานเหล่านี้ออกมา “มัชฌิมา ฟลอส” ต้องใส่พลัง ความมุ่งมั่น และผ่านอะไรมาบ้าง
“มัชฌิมา ฟลอส” สาวน้อยลูกครึ่งไทย-ดัตช์
ชื่อของ มัชฌิมา ฟลอส ยังไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก แต่แวดวงคนทำหนังโฆษณาในต่างประเทศ ชื่อของ มัชฌิมา ฟลอส เริ่มเป็นที่รู้จัก เพราะการเล่าเรื่องของแบรนด์ และสินค้าต่างๆ ในหนังโฆษณา ต้องการความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่อาจเล่าเรื่องแบบเดิมๆ และมัชฌิมา ฟลอส สาวน้อยที่คุณแม่เป็นคนไทย ส่วนคุณพ่อเป็นชาวดัตช์ มีคำตอบให้ในเวลานี้
...
“ฉันชอบเต้นรำมาตั้งแต่เล็กๆ ที่บ้านมีเสียงดนตรีที่แม่เปิดอยู่เสมอ และก็มักจะเต้นรำฮัมเพลงไปด้วย พออายุได้ 3-4 ขวบ ได้เริ่มเรียนบัลเลต์และก็ชอบมาก ตอนเด็กๆ เคยเขียนข้อความไว้ตรงหัวนอนว่า อยากเต้นกับ Dutch National Ballet (บริษัทบัลเลต์ระดับชาติของเนเธอร์แลนด์) แต่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ จนวันหนึ่งมีโอกาสไปร่วมกิจกรรมเปิดบ้านของโรงเรียนบัลเลต์แห่งชาติ ครูผู้ฝึกที่นั่นถามว่าต้องการออดิชันไหม ก็เลยลองดู แล้วก็ดีใจมากที่ผ่านเข้าไปได้”
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ มัชฌิมา ฟลอส เล่าย้อนไปเมื่อตอนเด็ก ให้ทีมไทยรัฐออนไลน์ฟัง ซึ่งภาพนั้นแจ่มชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางนักบัลเลต์มืออาชีพ ซึ่งเป็นอาชีพในฝันของเด็กหลายๆ คนในโลกใบนี้ ซึ่งต้องผ่านจุดท้าทายมาหลายด่าน
โรงเรียนบัลเลต์แห่งชาติที่เธอพูดถึง คือ Dutch National Ballet Academy of Amsterdam สถาบันสอนบัลเลต์คลาสสิกชั้นนำของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งนักเต้นรุ่นเยาว์ที่เข้ามา จะได้รับการศึกษาและฝึกทักษะด้านศิลปะบัลเลต์ และต้องผ่านการทดสอบที่เข้มงวดในแต่ละปี เพื่อก้าวไปสู่มาตรฐานระดับมืออาชีพ ซึ่งเธอบอกว่า นั่นคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิตที่พ่วงมากับบททดสอบที่เข้มข้นท้าทายตามรายทาง
ตอนนั้น มัชฌิมา ฟลอส อายุ 11 ปี มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งแรกในชีวิตของเด็กคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ฉันต้องเปลี่ยนและปรับตัวเองหลายอย่าง เพราะกรณีของเราต่างจากคนอื่น ฉันยังเรียนชั้นประถมอยู่ที่โรงเรียนเก่าในเมืองคูลัมบอร์ก มันทำใจยากมากที่ต้องจากเพื่อนสนิทที่โรงเรียนเก่ากลางคัน และย้ายมาเรียนเทอมสุดท้ายที่เมืองอัมสเตอร์ดัมที่ห่างจากบ้าน อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่และเพื่อนใหม่ที่ทุกคนเรียนการเต้นกันมาอย่างเข้มงวดก่อนหน้านั้นแล้วถึงสามปีครึ่ง
ในขณะที่ฉันไม่เคยฝึกฝนจริงจังมาก่อนเลย มันจึงเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อนทุกคนที่นี่ตั้งใจและจริงจังกับการเต้นมากๆ และครูก็เข้มงวด มันทำให้ฉันตระหนักทันทีว่า ถ้าอยากจะเป็นนักเต้นมืออาชีพในวันข้างหน้า ฉันจะต้องมุ่งมั่นจริงจังนับจากนี้ไป”
นอกจากจะเรียนด้านบัลเลต์อย่างหนักแล้ว มัชฌิมา ฟลอส ยังเลือกเรียนสายวิชาการควบคู่ไปด้วย นั่นทำให้การเรียนทั้งสองสายหนักขึ้นไปอีกเท่าตัว
“หลายคนอาจคิดว่า เมื่อคุณรักบัลเลต์ คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเรียนมากนัก แต่โดยส่วนตัว ฉันเห็นด้านดีของทั้งสายวิชาการและศิลปะ และต้องการทำให้ได้ดีทั้งสองด้าน แต่ยอมรับเลยว่ามันหนักและเหนื่อยมาก ต้องสลับสมองไปมา กลับถึงบ้านก็ยังมีทั้งการบ้านและต้องฝึกซ้อมเต้น ซึ่งมันไม่ง่ายเลย”
...
กล้ายอมรับและสู้สุดพลัง กับบททดสอบจิตใจที่แข็งแกร่ง
สิ่งที่ยากที่สุด นอกจากเรื่องของวินัยในการเรียนและการซ้อมเต้น อย่างหนักแล้ว ยังมีบททดสอบจิตใจ โดยเฉพาะความรู้สึกช่วงก่อนจบการเรียนบัลเลต์ในแต่ละปี ที่ต้องลุ้นกับตัวเองว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ หรือไม่ก็ต้องเห็นเพื่อนร่วมชั้นเดินออกไป
“จากเริ่มแรกที่มีเพื่อนร่วมชั้นประมาณ 20 กว่าคน ครูผู้ฝึกจะคัดเด็กที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออกไปทุกปี การสอบในระดับที่สูงขึ้นไปก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และเราจะเหลือเพื่อนร่วมชั้นน้อยลงไปทุกปีๆ ครูพูดเสมอว่า พื้นที่ของนักเต้นรำมืออาชีพจริงๆ ในโลกนี้มีอยู่ไม่มาก ถ้าไม่ใช่ตัวจริงก็ไม่อยากให้เสียเวลา มันจึงเป็นสถานการณ์ที่กดดันและเครียดมากในช่วงการทดสอบปลายปี หลังจากทุ่มเทซ้อมอย่างหนัก ทุกคนก็จะคอยลุ้นกันว่าใครจะถูกคัดเลือกให้ไปต่อบ้าง”
...
แต่ มัชฌิมา ก็ฝ่าด่านผ่านการทดสอบมาได้ทุกปี และสามารถเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่ Dutch National Ballet Academy ซึ่งในขณะเรียนเธอยังได้มีโอกาสฝึกงาน และร่วมแสดงกับคณะบัลเลต์ที่เธอเคยฝันไว้
“ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะมีโอกาสอย่างที่ฉันฝันไว้ตอนเด็กๆ ฉันได้ร่วมเต้นกับคณะ Dutch National Ballet ในการแสดงชุด Nutcrackers และ Swan Lake มันเป็นโอกาสที่ดีมาก และยังได้เรียนรู้ด้วยว่า บริษัทบัลเลต์ชั้นนำทำงานกันอย่างไร มีการฝึกซ้อมที่เข้มข้นมากแค่ไหน นอกจากนี้ยังได้เรียนและฝึกซ้อมการเต้นแบบร่วมสมัยด้วย และก็ค้นพบว่าฉันชอบแนวนี้มาก เพราะเราสามารถใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป และยังเปิดกว้างสำหรับความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย”
ในช่วงโควิดระบาด มัชฌิมา ฟลอส เพิ่งเรียนจบและผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการกับเทศกาลศิลปะนานาชาติเวนิส เบียนนาเล เป็นโปรเจกต์สำหรับนักเต้นรุ่นใหม่ 20 คน และนั่นคือสามเดือนที่ช่วยให้ได้ค้นพบและลองสิ่งใหม่ๆ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ดี จากรั้วการเรียนสู่สภาพแวดล้อมใหม่ สู่ชีวิตการทำงาน และเส้นทางที่ชอบ
...
เริ่มต้นเส้นทางนักบัลเลต์มืออาชีพกับงานโฆษณา
ในปี 2021 หรือปี 2564 มัชฌิมา ได้รับการชักชวนจากโมเดลลิ่งเอเจนซี่ของนักเต้นมืออาชีพ ในอัมสเตอร์ดัม ซึ่งก่อตั้งโดยนักบัลเลต์แห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ และเริ่มก้าวสู่สายงานโฆษณาจากงานแรก และงานต่อมาอย่างต่อเนื่อง
“งานโฆษณาระดับสากลงานแรกคือ สินค้า LG ของเกาหลี เป็นงานที่ใช้การเต้นรำแบบผสมผสาน มันเป็นช่วงจังหวะที่ฉันกำลังค้นหาแนวทางของตัวเอง และจากการทำงานนี้ มันได้จุดประกายว่า ฉันสามารถผนวกการเต้นรำและสร้างสรรค์มันให้เข้ากับเส้นทางสายอาชีพที่ฉันชอบได้ ที่สำคัญคือมันสร้างความภูมิใจที่เราสามารถหาเลี้ยงชีพได้จากสิ่งที่เรารัก”
จากแบรนด์สินค้าเกาหลี มาต่อกับแบรนด์แฟชั่นอย่าง หลุยส์ วิตตอง ยังตามมาด้วยการได้ทำงานกับแบรนด์เทคโนโลยีของจีน อย่างหัวเว่ย และยังได้ถ่ายแบบโฆษณาให้กับแบรนด์อื่นๆ อีกด้วย
“ฉันค้นพบการสร้างสรรค์และความท้าทายมากมายในสายงานโฆษณา มันไม่ใช่เฉพาะการเต้นที่ฉันต้องคิดและแสดงออกเท่านั้น แต่ยังต้องแสดงสีหน้าและสื่ออารมณ์ไปกับเนื้อหาของชิ้นงานด้วย อย่างชิ้นงานโฆษณาแอลจี จะมีผู้กำกับการเคลื่อนไหว หรือ Movement Director
แต่ชิ้นงานของหัวเว่ย ที่ถ่ายทำในประเทศจีนนั้น ฉันต้องสร้างสรรค์ท่าทางการแสดงออกด้วยตัวเองทั้งหมด เขาเพียงบอกว่าต้องการอารมณ์แบบไหน การเคลื่อนไหวประมาณไหน และฉันก็เริ่มด้นสดและฝึกซ้อม และนั่นคือสิ่งที่ฉันชอบจริงๆ เพราะฉันได้สร้างสรรค์ออกแบบมันขึ้นมาตรงจุดนั้น ซึ่งมันเป็นงานท้าทายสำหรับฉันมาก”
และเมื่อถามว่าเธอได้เรียนรู้อะไรจากการทำงานกับเหล่ามืออาชีพในระดับโลกบ้าง มัชฌิมา ฟลอส ตอบว่า “งานโฆษณาชิ้นหนึ่งมันเกี่ยวกับกระบวนการความคิดทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังนั้นด้วย ทุกวันนี้ เจ้าของสินค้ามักจะพูดว่า พวกเขาชอบทำงานกับนักเต้นมืออาชีพ เพราะเราเข้าใจร่างกายของเราดีว่าจะสื่อสารออกมาด้วยศิลปะท่าทางการเคลื่อนไหวอย่างไร และแม้แต่การทำงานกับนักเต้นคนอื่นเราก็สามารถเต้นเข้ากันได้ดี เพราะเราเข้าใจภาษาเต้นรำเหมือนกัน"
ที่สำคัญ การทำงานที่ผ่านมา มัชฌิมา ฟลอส บอกว่า ช่วยสร้างกระบวนการคิดให้กับตัวเอง นอกจากจะสนุกกับงานที่ทำแล้ว การเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้มากมาย
"เป็นช่วงที่ฉันได้ค้นพบตัวเองว่า ในฐานะนักเต้นรำร่วมสมัย คุณสามารถแสดงออกได้หลากหลายและอิสระมากขึ้น ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบของบริษัท คุณสามารถสร้างสรรค์งานของคุณเอง หรือทำงานในโปรเจกต์เล็กๆ ของตัวเอง และฉันก็กำลังอยู่ในช่วงค้นหาทดลองแนวทางของตัวเองเพื่อดูว่ามันจะพัฒนาไปได้อย่างไรอีกบ้าง ต้องขอบคุณช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้และการฝึกฝนอย่างหนักที่ผ่านมาทั้งหมด เพราะมันสามารถต่อยอดไปสู่โปรเจกต์ต่างๆ ของฉันต่อไปในอนาคต”
ตอนนี้ มัชฌิมา ฟลอส บอกว่าตัวเองเป็นนักเต้นอิสระ และเป็นนักออกแบบท่าเต้นรุ่นเยาว์ ชอบสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง และเมื่อปีที่แล้วได้ทำเพลงให้เพื่อนสนิทที่เป็นนักเต้นของ Dutch National Ballet มีพื้นที่ในการทำงานสร้างสรรค์ของตัวเอง และแน่นอนว่าในขณะเดียวกันนี้ก็เป็นนักเต้นที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วย
ด้วยเชื้อสายลูกครึ่ง ไทย-ดัตช์ ที่แม้เติบโตในเนเธอร์แลนด์ แต่มัชฌิมา ก็มีฝันเกี่ยวกับประเทศไทย
“ฉันอยากมีโอกาสไปทำงานที่ประเทศไทย ฉันฝันอยากมีพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับแสดงผลงานศิลปะที่หลากหลายด้วย พร้อมๆ ไปกับการสนใจศึกษาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมหรือการออกแบบภายในเพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้นถึงแนวคิดต่างๆ ในการสร้างพื้นที่ศิลปะด้วย เป้าหมายต่อไปจากนี้คือ ฉันอยากลงลึกกับเรื่องการเต้นรำให้มากขึ้น อยากทำงานออกแบบท่าเต้น สร้างแนวงานของตัวเอง และทำให้มันมีชีวิตขึ้นมา”
ความฝันของสาวน้อย มัชฌิมา ฟลอส จึงยังไม่จบแค่นี้ เพราะยังมีจังหวะในโลกของความสร้างสรรค์ที่พร้อมให้ค้นหาไม่รู้จบอีกมากมาย