วิธีการเตรียมตัวไปงานวิ่งมาราธอน หากเป็นมือใหม่ ควรเตรียมตัวอย่างไร มีอุปกรณ์อะไรที่จำเป็นบ้าง
ปัจจุบันนี้ กิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพมีอยู่มากมายหลายชนิด การวิ่งมาราธอน เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ท้าทายและน่าสนใจไม่น้อย ทุกคนสามารถทำกิจกรรมประเภทนี้ได้เกือบทุกเพศ ทุกวัย ไม่ต้องแข่งขันกับใคร เป็นกีฬาและกิจกรรมในการวัดความสามารถ และสมรรถภาพร่างกายของตนเองอย่างแท้จริง
ในปัจจุบัน มีสนามที่คอยเปิดให้วิ่งมาราธอนอยู่มากมายตลอดทั้งปี ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทริปสั้นๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และโลเคชันต่างๆ ที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้นักวิ่งต่างพากันเดินทางไปร่วมกิจกรรม และได้พักผ่อนหย่อนใจไปกับบรรยากาศโดยรอบด้วย ซึ่งกิจกรรมแบบนี้ทำให้วันที่น่าเบื่อของคุณหมดลง ซึ่งนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง วัดความสามารถตนเองแล้ว และยังได้ท่องเที่ยวอีกด้วย ทำให้เป็นการปลุกกระแส และคนเริ่มหันมาสนใจกิจกรรมวิ่งมาราธอนกันอยู่มากมาย
หากคุณเป็นคนที่สนใจในกิจกรรมวิ่งมาราธอน และอยากที่จะไปลองลงสนามวิ่งมาราธอนเหล่านี้ดูสักครั้ง ไทยรัฐออนไลน์ วิธีการเตรียมตัวก่อนวิ่งมาราธอนมีอะไรบ้าง
...
1. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับการวิ่งมาราธอน
- รองเท้าวิ่ง
- ชุดสำหรับวิ่งและออกกำลังกาย
- ถุงเท้าวิ่ง
- หมวกออกกำลังกาย กันแดด
- แว่นกันแดด
- ครีมกันแดด
- อุปกรณ์เสริม เช่น นาฬิกาสมาร์ทวอตช์ หูฟัง กระเป๋าพกพา
- อุปกรณ์ใส่น้ำแบบพกพา
2. เลือกระยะทางการวิ่ง สนามวิ่ง ให้เหมาะสมกับตนเอง
การวิ่งมาราธอนนั้น มักจะมีหลากหลายเส้นทางให้เลือกตามศักยภาพร่างกายของตนเอง ควรเริ่มเส้นทางที่ไม่ไกลมาก แล้วค่อยขยับขึ้นไปตามระดับความสามารถ
- มินิมาราธอน (ระยะ 10 กิโลเมตร) เป็นระยะเริ่มต้นที่แนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มวิ่งมาราธอนใหม่ๆ
- ฮาล์ฟมาราธอน (ระยะ 20 กิโลเมตร) เป็นระยะที่สองสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการวิ่งมาราธอนมาบ้างแล้ว
- มาราธอน (ระยะ 42 กิโลเมตร) เป็นระยะสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการวิ่งมาราธอนอย่างช่ำชอง
โดยเส้นทางต่างๆ เหล่านี้ บางสนามจะมีสิ่งขีดขวาง เช่น วิ่งในป่า วิ่งในพื้นลูกรัง เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเป็นมือใหม่ควรเลือกและศึกษาเส้นทางให้ดี จะได้ไม่เจ็บตัว และปลอดภัยในการทำกิจกรรม
3. เตรียมร่างกายให้ฟิตพร้อมก่อนจะไปวิ่งมาราธอน
หากคุณเป็นมือใหม่ในการวิ่งมาราธอน ควรที่จะทำให้ร่างกายตนเองฟิตพร้อมตลอดเวลา เพราะในแต่ละสนามมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป และร่างกายของมือสมัครเล่นนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด หากเป็นคนไม่ได้วิ่งมาราธอนอยู่แล้วบ่อยๆ ซึ่งทำให้วันไปวิ่งมาราธอนจริง จะไม่มีแรงมากพอ แถมยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
ควรจัดตารางซ้อมก่อนไปวิ่งมาราธอนก่อนสัก 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อทำการฝึกซ้อมร่างกายให้เคยชิน และฟิตพร้อมตลอดเวลา และควรค่อยๆ ลดจำนวนการซ้อมลง เมื่อใกล้ถึงวันวิ่งมาราธอนจริงในสนาม เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อน และไม่เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อก่อนไปวิ่ง
4. ดื่มน้ำมากๆ ทานอาหารให้ครบหมู่ เพื่อบำรุงกล้ามเนื้อและร่างกาย
การทานอาหารให้ครบหมู่และดื่มน้ำมากๆ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ต่างจากการซ้อมวิ่งเลยทีเดียว เพราะทุกๆ การซ้อมของเรานั้น ต้องมีสารอาหารและน้ำ ที่คอยไปซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเหงื่อที่สูญเสียไป ทำให้การดื่มน้ำเยอะๆ และทานอาหารให้เพียงพอ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นที่ต้องทำควบคู่ไปกับการซ้อม เพื่อกล้ามเนื้อที่ฟื้นตัวได้ดี ทำให้การวิ่งมาราธอนนั้น จะได้ไม่เจ็บกล้ามเนื้อได้ง่าย
...
5. พักผ่อนเพียงพอ ตื่นมาฟิต พิชิตเป้าหมาย
ความเป็นมือใหม่ในการวิ่งมาราธอน ทำให้เมื่อใกล้ถึงวันลงสนามจริง อาจจะทำให้ตื่นเต้น และนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอได้ การพักผ่อนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และควรระวัง ถ้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ร่างกายไม่ฟิตเหมือนเดิม และอาจทำให้เป็นลมล้มพับไปได้ และที่ซ้อมมาทั้งหมดจะสูญเปล่าทันที ดังนั้นแล้ว หากต้องลงสนามจริง ควรรีบเข้านอนให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันความประหม่า และตื่นมาฟิตพร้อมลงสนามวิ่งมาราธอนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การวิ่งมาราธอนนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้น การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะลงสนามจริง และข้อควรระวัง หากวิ่งแล้วรู้สึกไม่ไหว เจ็บกล้ามเนื้อ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้หยุดและพักทันที ห้ามฝืนวิ่งต่อเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกับร่างกายตนเองได้