วูบหมดสติ ภัยร้ายอันตรายถึงชีวิตที่ไม่ควรมองข้าม เกิดจากอะไร ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงบ้าง

จากเหตุการณ์ที่ดาราหนุ่มเอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ วูบหมดสติกลางงานดีเบตพรรคการเมือง ทำให้หลายคนให้ความสนใจว่าอาการวูบหมดสติเกิดจากอะไร ใครเป็นกลุ่มเสี่ยง และป้องกันได้หรือไม่

วูบหมดสติเกิดจากอะไร

อาการวูบหมดสติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ในช่วงที่ร่างกายเราอ่อนเพลีย หรือมีการสูญเสียน้ำในร่างกายจะทำให้วูบได้ เช่น

  • สูญเสียเหงื่อจำนวนมาก
  • มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง
  • ตากแดดเป็นเวลานาน
  • ออกกำลังกายหนักเกินไป

ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุของการวูบหมดสติได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น ผลจากการใช้ยา เช่น รับประทานยาลดความดันหรือยาลดความอ้วนซึ่งมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะก็สามารถทำให้เกิดอาการวูบหมดสติได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน อาการวูบหมดสติอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น

  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคลมชัก
  • โรคหลอดเลือดสมองตีบ
  • โรคหลอดเลือดสมองแตก
  • สัญญาณอาการวูบหมดสติ

ก่อนที่จะมีอาการวูบหมดสติ มักจะมีสัญญาณต่อไปนี้เกิดขึ้นกับผู้ป่วย

  • มีอาการหวิว
  • เวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้
  • อาจเห็นภาพที่ผิดปกติไป เช่น เห็นเป็นแสงสีขาวหรือสีดำได้
  • มีอาการเหงื่อแตกชื้น
  • สูญเสียอาการทรงตัว เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนตัวลงและล้มลงได้

...

สิ่งที่เป็นอันตรายที่ควรต้องระวัง คือ หลังจากผู้ป่วยตื่นขึ้นมาอาจมีอาการบาดเจ็บ เช่น ศีรษะกระแทกพื้น แต่ถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการปากเบี้ยว ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด ชาหรืออ่อนแรงร่างกายครึ่งซีก อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการของหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดสมองแตก ควรรีบมาพบแพทย์ทันทีอย่าปล่อยทิ้งไว้

วูบหมดสติ ใครเป็นกลุ่มเสี่ยง

อาการวูบหมดสติ มักพบได้ใน

  • ผู้สูงอายุ
  • คนที่มีโรคประจำตัว
  • คนที่มีโรคบางอย่างที่มาจากหูชั้นใน

ข้อมูลจาก Framingham Heart Study เผยว่าส่วนใหญ่แล้วมักพบอาการวูบหมดสติในผู้สูงอายุถึง 23% ส่วนคนทั่วไปสามารถพบได้ 3% และผู้ที่เคยมีอาการวูบหมดสติมีโอกาสเกิดซ้ำได้อีกถึง 1 ใน 3 เท่า โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง จะส่งผลให้เกิดอันตราย เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนนหรือขณะทำงานกับเครื่องจักร เป็นต้น โดยเฉพาะบางอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พนักงานขับรถ นักบิน นักประดาน้ำ คนงานก่อสร้าง ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุซ้ำเติมจากการภาวะวูบได้

วูบหมดสติ ป้องกันได้หรือไม่

สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องปฎิบัติ เพื่อป้องกันการเกิดอาการวูบ คือ

  • ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • ดื่มน้ำต่อวันให้เพียงพอ
  • พักผ่อนให้เต็มที่
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันอาการวูบได้

ข้อมูลอ้างอิง: ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล