ในเวลานี้คงต้องบอกว่า ในละแวกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนิทรรศการผลงานด้านศิลปะของวินเซนต์ แวน โก๊ะ ให้รับชมพร้อมๆ กันถึงสองงาน โดยทั้งสองงานก็เป็นการจัดงานในรูปแบบของอิมเมอร์ซีฟ (Immersive) เหมือนกันอีกด้วย
งานแรกเป็นงานที่มีชื่อว่า Van Gogh Singapore Exhibition: The Immersive Experience จัดขึ้นที่เซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ และอีกงานที่จะพูดถึงกันในบทความนี้ นั่นก็คือ Van Gogh Alive Bangkok ที่ Attraction Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ชื่อของ Vincent van Gogh ออกเสียงว่า ฟินเซนต์ ฟาน โคค แต่เพื่อความเข้าใจง่ายและตรงกัน ในบทความนี้จึงขอเรียกว่า วินเซนต์ แวน โก๊ะ ตามที่คุ้นเคยกันดี
วินเซนต์ แวน โก๊ะ เสียชีวิตไปกว่า 130 ปีแล้ว เพียงแต่ชื่อเสียงของแวน โก๊ะ กลับได้รับการพูดถึงเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ตัวเขาเสียชีวิต ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผลงานศิลปะของแวน โก๊ะ นับวันจะได้รับการต่อยอดออกไปกว้างไกลมากขึ้น จากการใช้เวทมนตร์ของสิ่งที่เรียกว่า “เทคโนโลยี” แล้วด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้เอง ได้เป็นตัวช่วยในการนำเสนอผลงานต่างๆ ของแวน โก๊ะ ให้ออกมาในรูปแบบต่างๆ นอกเหนือจากงานภาพที่มาจากปลายมือของแวน โก๊ะ เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต
...
นิทรรศการศิลปะ Van Gogh Alive Bangkok ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครของเราแห่งนี้ ถูกนำเสนอในรูปแบบของอิมเมอร์ซีฟ เพื่อสร้างประสบการณ์ในการ “เสพศิลปะ” ครบทั้งรูป รส กลิ่น และเสียง
ภายในนิทรรศการได้มีการติดตั้งโปรเจกเตอร์ที่มีความละเอียดสูง เพื่อเปิดประสบการณ์การรับชมงานศิลปะ เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชม พร้อมกับการแสดงของแสง สี เสียง อีกทั้งยังเป็นการถ่ายทอดผลงานของแวน โก๊ะ ให้ออกมาเด่นชัด ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าก็คือ จอภาพที่อยู่ในระดับสายตา และตามพื้นทางเดิน
...
ในเวลาเดียวกัน เมื่อภาพงานของแวน โก๊ะ ที่อยู่บนจอเปลี่ยนจากงานชิ้นหนึ่งไปยังอีกชิ้นหนึ่ง ดนตรีประกอบก็จะเปลี่ยนไปตามบรรยากาศของภาพ ถ้าหากเป็นผลงานที่ดูมีความเศร้าสร้อย ในช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตในโรงพยาบาลที่ แซงต์-เรมี ดนตรีประกอบก็จะถูกบรรลงด้วยเพลงเศร้าๆ แต่ถ้าเป็นผลงานที่ไม่ได้เศร้าหมองนัก เช่น ผลงานในช่วงที่อยู่ในปารีส หรืออาร์ลส์ ดนตรีก็ถูกขับกล่อมด้วยเสียงเปียโนในอีกท่วงทำนองหนึ่ง
อันที่จริงแล้ว นิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok เราสามารถรับชมโดยใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแค่ประมาณ 45 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แบ่งโซนพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 4 โซนด้วยกัน ได้แก่ โซนที่ตกแต่งให้เห็นถึงบ้าน และห้องนอนของแวน โก๊ะ ในเมืองอาร์ลส์
ต่อจากนั้นจึงขยับมาเป็นส่วนของการจัดแสดงผลงานของแวน โก๊ะ ในช่วงปี 1880 จนถึง 1890 รวมกัน 3,000 ชิ้น ในรูปแบบ Immersive ซึ่งเป็น “ไฮไลต์สำคัญ”
...
โซนที่สามเป็นการหยิบเอาผลงานเด่นของแวน โก๊ะ มาเป็นฉากสำหรับถ่ายภาพ ประกอบไปด้วยการจำลองพร็อพของภาพ The Starry Night และห้องที่เต็มไปด้วยดอกทานตะวัน (ปลอม)
...
โซนที่สี่ เป็นส่วนที่เปิดโอกาสให้ผู้คนที่สนใจงานของแวน โก๊ะ มาทำเวิร์คช็อป ห้อง Letter to Theo เป็นพื้นที่จัดแสดงตัวอย่างจดหมายที่แวน โก๊ะ เขียนถึงธีโอ น้องชายคนสำคัญ และแวน โก๊ะ คาเฟ่ ซึ่งมีความพยายามจำลองการจัดร้านจากงานภาพ The Night Cafe พร้อมกับเป็นสถานที่พักกายพักใจหลังรับชมผลงานของแวน โก๊ะ ในฉบับดิจิทัล
ในด้านหนึ่งคงต้องบอกว่า นิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย มีโอกาสสัมผัสกับงานระดับขึ้นหิ้ง แม้จะเป็นในรูปแบบของดิจิทัลก็ตาม แต่ก็อาจเป็นประตูบานแรกๆ ที่จะได้รู้จักกับงานของแวน โก๊ะ ในเชิงลึกมากขึ้น ก่อนที่จะก้าวไปสู่การดื่มด่ำผลงานของจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ในรูปแบบที่เป็นเชิงกายภาพ ได้ใกล้ชิดกับผลงานบนผืนผ้าใบ ได้เห็นการใช้สีที่น่าทึ่ง
สำหรับนิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok ทาง Grande Experience ในฐานะผู้สร้างและเจ้าของลิขสิทธิ์ ตั้งเป้าผู้ชมเอาไว้ที่ 3 แสนคน ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2566 สนนราคาบัตรแบบ VIP ที่ 1,490 บาท บัตรทั่วไป 990 บาท และนักเรียน/นักศึกษา 480 บาท