เชื่อว่ามีคนไทยหลายๆ คนที่ทำงานมาหลายปีแต่เงินเดือนน้อย รอปรับฐานขึ้นก็ขยับขึ้นเพียงทีละนิดเท่านั้น อยากมีเงินเดือนมากกว่านี้ต้องทำไง? วันนี้เราจะมาแนะนำอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้คุณอยากผลักดันตัวเองและสามารถเพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อโลกการทำงานยุคดิจิทัลและไร้พรมแดน จนสามารถเรียกค่าตอบแทนที่สูงขึ้นได้ รวมถึงยังมีสกิลติดตัวไปทุกที่ นั่นคือการต่อยอดความรู้ในระดับภาษาอังกฤษ ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทมากมายที่ให้ค่าตอบแทนด้านภาษามากขึ้น หากคุณมีผลวัดระดับภาษาระดับมาตรฐานสากลที่เชื่อถือได้ ก็มีโอกาสที่จะนำไปเป็นข้อต่อรองในการอัปเงินเดือนของคุณได้เช่นเดียวกัน

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการสอบวัดระดับภาษาที่สามารถใช้ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ว่า TOEIC, TOEFL, IELTS คืออะไร มีส่วนช่วยให้คุณก้าวหน้าทางการศึกษาและสายอาชีพอย่างไรบ้าง

TOEIC

TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ต้องการสมัครงาน โดยข้อสอบจะเป็นแบบปรนัย โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การฟัง Listening และการอ่าน Reading มีจำนวนทั้งหมด 200 ข้อ คะแนนเต็มรวม 990 คะแนน โดยมีเวลาให้กำหนด 2 ชั่วโมง

โดยในส่วนของ Listening ผู้เข้าสอบจะได้ฟังคำถาม และการสนทนาสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน และในส่วนของ Reading ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน ซึ่งผลสอบ TOEIC สามารถใช้ยื่นสมัครงาน และยังสามารถใช้ยื่นปรับฐานเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่งได้ ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน งานโรงแรม งานท่องเที่ยว งานขนส่ง งานการเงิน รวมทั้งบริษัทข้ามชาติ และบริษัทเอกชนอื่นๆ

TOEFL

TOEFL ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language เป็นแบบทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ข้อสอบประกอบไปด้วยพาร์ตการฟัง (Listening) การอ่าน (Reading) การเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) แต่ละส่วนจะคิดเป็นคะแนน 30 คะแนน รวมทั้งหมดเป็น 120 คะแนน

ซึ่งการสอบ TOEFL เหมาะสำหรับใช้ในการศึกษาต่อในอเมริกาโดยเฉพาะก็ว่าได้ หรือนักเรียนที่จะศึกษาแพทย์ต่อในหลักสูตรนานาชาติ ก็สามารถยื่นผลคะแนน TOEFL ได้ แต่ใครที่ต้องการใช้ยื่นปรับฐานเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ก็สามารถนำไปใช้ได้เช่นกัน

IELTS

IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System เป็นการวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับผู้สนใจทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่สนใจไปเรียนต่อต่างประเทศหรือต้องไปทำงานต่างประเทศ โดยการทดสอบจะครอบคลุมทั้งหมด 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน โดยมีหลักเกณฑ์วัดระดับ 1-9 โดยระดับ 1 คือไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เลย และระดับ 9 คือความสามารถในการใช้ภาษาที่ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา โดยผลสอบ IELTS นั้นเป็นที่ยอมรับจากองค์กรทั่วโลกทำให้ผู้สมัครการทดสอบ IELTS สามารถนำผลการประเมินยื่นเข้าเรียนหรือทำงานได้ทั่วทุกมุมโลก

การสอบ IELTS สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ

IELTS Academic โดยสามารถใช้ยื่นเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีขึ้นไป หรือใช้ยื่นเพื่อเข้าทำงานที่มีความเฉพาะทาง เช่น วิชาชีพแพทย์ พยาบาล ครู หรือทนายความ

IELTS General Training การสอบจะคล้ายแบบ Academic แต่จะแตกต่างกันในพาร์ตอ่าน และเขียน ที่จะมีความง่ายกว่า สำหรับผู้ที่วางแผนจะเข้าศึกษาต่อในระดับที่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเข้าคอร์สอบรม รวมถึงทำงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง

IELTS Life Skills จะเป็นการทดสอบเฉพาะทักษะการพูด และการฟังเท่านั้น โดยจะมีระดับ A1 และ B1 ซึ่งจะไม่มีคะแนน แต่จะบอกเพียงแค่ผ่านกับไม่ผ่านเท่านั้น เหมาะสำหรับการขอวีซ่าบางประเภท และการย้ายถิ่นฐาน

ทุกคนคงจะพอเข้าใจคร่าวๆ กันบ้างแล้ว ว่าการสอบแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร และตัวของคุณเองเหมาะกับการสอบวัดระดับประเภทไหน แต่หากคุณยังต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือกำลังมองหาตัวช่วยในการสอบครั้งนี้ วันนี้เราจะมาแนะนำสถาบันเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบวัดระดับภาษา ที่มีหลักสูตรที่ครอบคลุม เนื้อหาแน่น อย่าง Interpass ที่เป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษครบทุกทักษะ ทั้งสำหรับผู้เริ่มต้น และผู้ที่ต้องการติวเนื้อหาเข้มข้น สามารถช่วยให้คุณได้คะแนนตามที่คาดหวังไว้ได้อย่างแน่นอน