บัตรเครดิตเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้กันยืม เพราะว่าหากเกิดปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ขึ้นมาก็ทวงกันลำบาก แต่ในโลกของความเป็นจริงก็มีการนำบัตรเครดิตให้คนอื่นใช้ได้ เช่น พ่อแม่ทำบัตรเครดิตประเภทบัตรเสริมให้ลูกถือ เพื่อฝึกการใช้เงิน สร้าง Statement และฝึกสร้างเครดิต แต่หากเป็นบัตรชื่อเราแล้วให้เขาเอาไปใช้รูดซื้อของ มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ไทยรัฐออนไลน์รวบรวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนให้คนอื่นยืมบัตรเครดิตมาไว้เป็นกรณีศึกษา ดังนี้
คนอื่นเอาบัตรเครดิตไปใช้ได้ไหม
เจ้าของวงเงินบัตรเครดิตที่แท้จริงมักเป็นธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินที่ให้กรรมสิทธิ์แก่ผู้ถือบัตรเครดิต ภายใต้เงื่อนไขว่า ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบต่อการชำระสินค้า ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยจะต้องเก็บรักษาบัตรให้ปลอดภัยตลอดเวลาและไม่สามารถโอนเปลี่ยนมือได้ เพราะฉะนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ชื่อผู้ถือบัตรบนบัตรเครดิตจะต้องรับผิดชอบชำระหนี้ในวงเงินที่ถูกใช้จ่ายไปก่อนเสมอ
ให้คนอื่นยืมบัตรเครดิต เจ้าตัวต้องยินยอม
...
ในชีวิตจริงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ถือบัตรเครดิตต่างๆ คงเคยให้เพื่อน พี่น้อง หรือคนอื่นยืมบัตรไปใช้ ทั้งในรูปแบบนำไปรูดซื้อของ หรือกรอกเลขบัตรซื้อของออนไลน์ หากการใช้บัตรเหล่านี้อยู่ในหูในตาของเจ้าของบัตร และเจ้าของบัตรเป็นผู้กำกับการชำระเงินคืนเจ้าของเงินกู้วงเงินบัตรเครดิตได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากบัตรถูกนำไปใช้จ่ายอะไรก็ไม่ทราบนี่ ปัญหาการเงินจะตามมา
รูดบัตรต้องเซ็นชื่อไหม
- ซื้อของหน้าร้านต้องเซ็นชื่อบนสลิป
แม้ว่าจะมีข้อกำหนดว่าแคชเชียร์ที่รับบัตรเครดิตจะต้องตรวจสอบลายเซ็นบนบัตรเครดิตกับลายเซ็นบนสลิป แต่เพื่อความสะดวกรวดเร็ว น้อยร้านค้าที่จะมานั่งดูชื่อว่าตรงกันไหม ส่วนใหญ่ก็ปล่อยผ่านไปเลย ทำให้เป็นช่องว่างให้มิจฉาชีพนำมารูดซื้อของ
- ซื้อของไม่เกินขั้นต่ำ หรือจ่ายแบบ Contactless ไม่ต้องเซ็นชื่อบนสลิป
ร้านค้าบางร้านมีเครื่องรับบัตรเครดิตแบบ Contactless ผู้ถือบัตรวางบัตรบนเครื่อง แล้วชำระค่าสินค้าหรือบริการได้ทันที เช่น ทางเข้าไม้กั้นประตูรถไฟฟ้า MRT หรือการชำระสินค้าไม่เกินยอดขั้นต่ำของบางร้าน ผู้ถือบัตรก็ไม่จำเป็นต้องเซ็นชื่อบนสลิป ลดระยะเวลาการชำระเงิน
- ซื้อของออนไลน์บนหน้าเว็บ กรอกเลขบัตรเครดิต ไม่ต้องเซ็นชื่อ
การซื้อของออนไลน์ เพียงแค่กรอกเลขบัตรเครดิต และเลข CVV ด้านหลังบัตรเครดิต ก็ชำระค่าสินค้าและบริการได้แล้ว มีขั้นตอนป้องกันความปลอดภัยจาก OTP ส่งไปที่โทรศัพท์มือถือของผู้ถือบัตร ก็ไม่ต้องเซ็นชื่อใดๆ
5 วิธีป้องกันบัตรเครดิตถูกคนอื่นนำไปใช้
ผู้ถือบัตรเครดิตควรรู้ทุกการใช้จ่ายยอดบัตรเครดิตที่ถูกรูดไปทุกครั้ง มีวิธีการป้องกันบัตรเครดิตถูกคนอื่นนำไปใช้ ดังนี้
1. เก็บบัตรเครดิตไว้ในที่ปลอดภัย
ผู้ถือบัตรควรเก็บรักษาบัตรเครดิตไว้ในที่ปลอดภัย เช่น กระเป๋าสตางค์ หรือช่องเก็บบัตรในกระเป๋าที่มิดชิด ไม่ควรวางไว้ที่โต๊ะทำงาน หรือที่มองเห็นง่าย
2. ดาวน์โหลดแอปฯ ผูกบัตรไว้ตรวจสอบยอด
ผู้ถือบัตรควรดาวน์โหลดแอปฯ ธนาคาร หรือแอปฯ ที่ผูกบัตรเครดิตเพื่อเช็กยอดค่าใช้จ่าย ปัจจุบันนี้แทบทุกบัตรมีบริการแอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบ Statement บัตรเครดิตแล้ว และไม่ควรให้ PIN กับใคร
3. รู้เบอร์ Call Center ของบัตร เพื่อโทรไปตรวจสอบยอด
ผู้ถือบัตรเครดิตมีบัตรกี่ใบก็ควรรู้ว่าหากเกิดปัญหาการใช้งานบัตรต้องโทรไปที่เบอร์ไหน เพราะเราสามารถโทรหาเจ้าหน้าที่บัตรเพื่อขอทราบยอดการใช้จ่ายได้
4. เก็บ Slip และใบแจ้งยอดไว้ตรวจสอบยอดใช้จ่าย
เมื่อใช้จ่ายบัตรเครดิต ให้เก็บสลิปกลับมารวบรวมไว้ก่อนจ่ายบัตรเครดิต หากมียอดที่ไม่ได้ใช้จ่าย ก็ติดต่อสอบถามได้กับสถาบันการเงินเจ้าของบัตร
5. เปิดใช้บริการแจ้งยอดใช้จ่ายผ่าน SMS หรือ Email
ใส่อีเมล SMS หรือผูกบริการอื่นๆ ที่ส่งผลการใช้จ่ายให้รับรู้ยอดใช้จ่ายอย่างรวดเร็ว จะได้ทราบการตัดเงินที่ผิดปกติเมื่อมีการใช้งานบัตรเครดิต
ใช้บัตรเครดิตคนอื่นผ่อนโทรศัพท์ได้ไหม
การใช้บัตรเครดิตคนอื่นผ่อนโทรศัพท์ มักเป็นการตกลงระหว่างเจ้าของบัตร กับคนสนิท เพราะโทรศัพท์มือถือราคาหลักหมื่น จะมีโปรโมชันผ่อน 0% คนซื้อก็จ่ายเงินให้กับเจ้าของบัตรทีละเดือน เจ้าของบัตรก็ได้ยอด ได้แต้ม ถือว่าได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่
ส่วนการผ่อนบัตรเครดิตซื้อโทรศัพท์ ตามประกาศในอินเทอร์เน็ตนั้นไม่น่าเชื่อถือ มักเป็นการหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคล พวกสำเนาบัตรเครดิต ไปยื่นขอกู้สินเชื่อ หากต้องการผ่อนสินค้า ก็ควรเลือกสมัครเองกับสถาบันการเงินที่ได้รับการรับรองกับธนาคารแห่งประเทศไทย
...
ถ้าจำเป็นต้องให้ลูก หรือคนในครอบครัวนำบัตรเครดิตวงเงินเดียวกับเราไปใช้บ่อยๆ แนะนำให้ทำบัตรเสริม เป็นชื่อเขาดีกว่า เพราะเวลาเซ็นชื่อในสลิปซื้อของ ก็ใช้ลายเซ็นเดียวกับหลังบัตรเป็นชื่อเขาได้ แถมเรายังช่วยดูแล Statement และให้เขาเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อใช้บัตร ไม่ต้องกลัวว่าบัตรจะหาย หรือถูกคนอื่นนำไปใช้ในทางไม่ดี.