ข่าวเหตุกราดยิงหนองบัวลำภูสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด เราจะมีวิธีรับมือกับการเสพข่าวสารอย่างไรไม่ให้กระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต เผยกับทีมผู้สื่อข่าวไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ว่าข่าวเหตุกราดยิงหนองบัวลำภูเป็นเหตุการณ์รุนแรงครั้งใหญ่เพราะเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้คนในสังคมเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในการเสพข่าวสารจึงขอความร่วมมือจากประชาชนดังต่อไปนี้
- ขอความร่วมมือไม่ส่งต่อภาพความรุนแรงในเหตุการณ์กราดยิงหนองบัวลำภู โดยเฉพาะรูปศพ ผู้บาดเจ็บเพราะไม่จำเป็นในการสื่อสาร อีกทั้งยังสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็น หากมีใครส่งภาพความรุนแรงมาให้ควรเตือนเขาว่าอย่าส่งต่อภาพเหล่านี้ และลบภาพทิ้ง
- เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นภายในช่วง 1-2 อาทิตย์นี้ จะมีข่าวกราดยิงหนองบัวลำภูออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเสพข่าวนี้บ่อยๆ เป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจในระยะยาว แนะนำว่าควรลดการเสพข่าวนี้ลงเหลือเพียงแค่ 1-2 ข่าวต่อวันเท่านั้น
- ดูแลคนรอบตัวหรือคนในครอบครัวที่เสพข่าวกราดยิงหนองบัวลำภู ไม่ให้อ่านข่าวนี้มากจนเกินไปเพราะจะกระทบต่อจิตใจได้ หากว่าคนใกล้ตัวหรือตนเองรู้สึกจิตตกจากการติดตามข่าวนี้ควรลดปริมาณลง หากไม่รู้สึกดีขึ้นสามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ให้ความเห็นเรื่องการเสพข่าวกราดยิงหนองบัวลำภูว่าไม่ควรไปดราม่า และสืบสาวติดตามต่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เป็นใคร แต่ควรเปลี่ยนพลังในการติดตามข่าวสารมาเป็นการช่วยเหลือชุมชนหรือผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ เช่น การบริจาคเลือด หรือการช่วยเหลืออื่นๆ แทน
...
“นอกจากนี้ ควรมองถึงอนาคตในเรื่องการป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำได้อีก เนื่องจากผู้ก่อเหตุที่ผ่านมาหลายครั้ง คือ เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ถืออาวุธเสียเอง ดังนั้นเราควรจริงจังและเข้มงวดกับเรื่อง พ.ร.บ.อาวุธปืน ให้มากขึ้นกว่านี้ ซึ่งเหตุกราดยิงครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก เพราะเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก และมีข่าวออกไปทั่วโลก ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย รวมถึงภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐที่กลายเป็นผู้ก่อเหตุเสียเองด้วย” นพ.ยงยุทธ กล่าว
สำหรับแนวทางป้องกันการก่อเหตุในมุมของโฆษกกรมสุขภาพจิตนั้น นพ.วรตม์ มองว่าควรป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ หากพบเห็นความรุนแรงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นทางวาจา หรือการกระทำที่รุนแรงต่อบุคคลอื่น เราไม่ควรมองข้ามและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ควรให้การช่วยเหลือและให้ความใส่ใจผู้ที่ได้รับความรุนแรงให้มากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดซ้ำในอนาคต