หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าโรคไตหรือโรคไตเรื้อรังมีหลายระยะด้วยกัน ซึ่งแต่ละระยะมีอาการและวิธีการรักษาที่ต่างกันออกไป วันนี้เรารวบรวมข้อมูลมาให้แล้วว่าโรคไตมีกี่ระยะและต้องทำการดูแลรักษาอย่างไรบ้าง
โรคไตมีกี่ระยะ
โรคไตหรือโรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะด้วยกัน โดยแบ่งจากระยะของโรคไตตามสาเหตุ และตามโรคร่วม เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคพันธุกรรม โรคที่เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม และโครงสร้างทางกายวิภาคของไต เป็นต้น และแบ่งระยะตามระดับอัตราการกรองของไตหรือ eGFR (estimated glomerular filtration rate) คือปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที ซึ่งแต่ละระยะจะมีอาการและวิธีการรักษาที่ต่างกันออกไป
โรคไตระยะที่ 1 มีค่า eGFR มากกว่า 90% อาการคือมีภาวะไตผิดปกติ เช่น มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ แต่อัตราการกรองยังปกติดี เป็นระยะที่อยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงต่ำ
โรคไตระยะที่ 2 มีค่า eGFR อยู่ในช่วงระยะ 60-89% อาการคือมีภาวะไตผิดปกติ เช่น มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ อัตราการกรองลดลงเล็กน้อย เป็นระยะที่เราจะเริ่มประเมินและชะลอการเสื่อมของโรคไตเรื้อรัง
โรคไตระยะที่ 3 มีค่า eGFR อยู่ในช่วงระยะ 30-60% อาการที่พบคือมีอัตราการกรองลดลงเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง เป็นระยะที่แพทย์จะเพิ่มการดูแลภาวะแทรกซ้อนของไต และต้องระวังในเรื่องของโรคหัวใจที่จะเป็นภาวะแทรกซ้อนและทำให้ผู้ป่วยโรคไตเสียชีวิตได้มาก
โรคไตระยะที่ 4 มีค่า eGFR น้อยกว่า 30% ซึ่งอัตราการกรองลดลงมาก ระยะนี้แพทย์จะต้องเริ่มปรึกษาเรื่องการทำบำบัดทดแทนไต เพราะการฟอกไตไม่ว่าจะฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม การฟอกไตทางหน้าท้อง หรือการปลูกถ่ายไต
...
โรคไตระยะที่ 5 มีค่า eGFR น้อยกว่า 15% เข้าสู่อาการไตวายระยะสุดท้าย โดยแพทย์จะเริ่มการบำบัดทดแทนไต ตามที่ได้ปรึกษากันแล้วก่อนหน้านี้ โดยเริ่มการบำบัดทดแทนไตในเวลาที่เหมาะสม
อาการของไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
สำหรับผู้ป่วยโรคไตในระยะที่ 5 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายจะมีการทำงานของไตลดลงเหลือ 15% ส่งผลให้มีอาการทางระบบอื่นตามมามากขึ้น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้จนมีภาวะขาดสารอาหาร ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ สะอึก บวม หอบเหนื่อย อาจมีอาการหอบจากการคั่งของกรดในร่างกาย ถ้ามีอาการหนักมากและไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะมีอาการซึมลงและชักได้
อาการของโรคไต
สำหรับผู้ป่วยโรคไตหรือผู้ที่ไม่มั่นใจว่าตนเองป่วยเป็นโรคไตหรือไม่ อาการของโรคไตที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองมีดังนี้
- ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน เป็นอาการที่พบได้เมื่อการทำงานของไตเริ่มเสื่อมลงในระยะแรก
- ขาบวมและกดบุ๋ม สาเหตุจากมีเกลือและน้ำคั่งในร่างกาย หรือมีโปรตีนรั่วจำนวนมากในปัสสาวะ หากบวมมากจะทำให้เกิดอาการหอบเหนื่อยจากการมีน้ำคั่งในปอด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
- ความดันโลหิตสูง
- คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย คันตามร่างกาย
- ผู้หญิงอาจมีอาการประจำเดือนขาดหรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ส่วนผู้ชายจะมีความรู้สึกทางเพศลดลงและสร้างอสุจิลดลง
การรักษาโรคไต
การดูแลรักษาโรคไตมีหลายลักษณะ โดยจะต้องรักษาตามระยะของโรค ดังนี้
- โรคไตระยะที่ 1 ต้องงดสูบบุหรี่ รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุของโรคไต โรคไตเรื้อรัง
- โรคไตระยะที่ 2 ต้องจำกัดความเค็ม
- โรคไตระยะที่ 3 จำกัดอาหารโปรตีน
- โรคไตระยะที่ 4 จำกัดการกินผลไม้
- โรคไตระยะที่ 5 ต้องรักษาโดยการล้างไตหน้าท้อง ฟอกเลือด หรือผ่าตัดปลูกไต ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ปัจจุบันการรักษาโรคไตในประเทศไทย มีเทคโนโลยีในการรักษาเทียบเท่ากับต่างประเทศ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา แล้ว จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาหรือผ่าตัดในต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก
ข้อมูลอ้างอิง : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์ และสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย