ปืนไทยประดิษฐ์หากมีส่วนประกอบทั้งลำกล้อง เครื่องลั่นไก และเครื่องส่งกระสุนครบในตัวก็ถือว่าเป็นอาวุธปืนที่ผู้ครอบครองต้องได้รับความผิด ข่าวโศกนาฏกรรมจากการสูญเสียจากการใช้ปืนไทยประดิษฐ์มีให้ได้ยินทุกยุคทุกสมัย โดยวัยรุ่นมักนำมาพกพา และใช้จนมีผู้ถึงแก่ความตาย แม้ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ถูกถ่ายทอดวิธีการทำ ไม่หมดไปจากสังคมไทย
ประวัติปืนไทยประดิษฐ์
ปืนไทยประดิษฐ์ เป็นภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ยังไร้กฎหมายบังคับลงโทษผู้ใช้งานในทางที่ผิด สมัยก่อนชาวบ้านได้ดัดแปลงโลหะให้ยิงกระสุนได้สำหรับล่าสัตว์ หรือไล่สัตว์ที่มากินพืชผลเกษตร ต่อมาเมื่อมีผลิตภัณฑ์โลหะที่พอเหมาะจะเป็นลำกล้องปืน ก็เกิดเป็นปืนไทยประดิษฐ์ที่ถูกนำไปพกพาเพื่อป้องกันตัว ดูไม่ออกว่าเป็นอาวุธ
ปืนไทยประดิษฐ์นิยมใช้กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยการจัดหาส่วนประกอบต่างๆ มาประกอบใช้ ลักลอบทำขึ้นเพื่อเป็นอาวุธ จึงมีกฎหมายที่ให้ผู้รักษาเมืองเป็นผู้ดูแล และต่อมาก็มีกฎหมายเป็นพระราชบัญญัติเอาผิด ในปัจจุบัน คือ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490
...
โทษของการมีปืนไทยประดิษฐ์ต้องพิจารณาว่าผู้ครอบครองมีอาวุธปืน ร่วมกับกระสุนด้วยหรือไม่ และปืนเข้าข่ายเครื่องกระสุนปืน หรือเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืน ตามกฎหมายจึงแยกลักษณะความหมายส่วนต่างๆ ของอาวุธปืน เพื่อจะได้จำกัดโทษการครอบครองไว้ดังนี้
- “อาวุธปืน” หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ยิง ไปทำอันตรายร่างกายถึงสาหัสได้
- “ส่วนใดส่วนหนึ่งของอาวุธปืน” ที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นอาวุธปืนด้วย เช่น
1) ลำกล้อง
2) เครื่องลูกเลื่อน หรือส่วนประกอบสำคัญของเครื่องลูกเลื่อน
3) เครื่องลั่นไก หรือส่วนประกอบสำคัญของเครื่องลั่นไก
4) เครื่องส่งกระสุน ของกระสุน หรือส่วนประกอบสำคัญของสิ่งเหล่านี้ แต่พานท้ายปืน หรือสายสะพายไม้ประดับด้ามไม่ถือว่าเป็นอาวุธ
ปืนไทยประดิษฐ์ ถูกจัดว่าเป็นปืนเถื่อน
การขึ้นทะเบียนปืน จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และมีการตีทะเบียนที่ตัวลำกล้อง ดังนั้นปืนไทยประดิษฐ์ส่วนใหญ่ที่ทำออกมาจึงไม่ผ่านการตีทะเบียน และถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้ที่ครอบครองปืนไทยประดิษฐ์ที่มีส่วนประกอบทั้ง 4 ตามที่กล่าวมาข้างต้นจึงได้รับความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ปืนไทยประดิษฐ์ส่วนใหญ่ใช้วิธีการตะไบท่อเหล็ก และส่วนประกอบของปืน เพื่อให้ขึ้นไกและส่งกระสุนได้ด้วยหลักการเดียวกับอาวุธปืนลูกโม่ ยกตัวอย่าง เช่น ปืนไทยประดิษฐ์แบบหักลำ และปืนปากกา
- ปืนไทยประดิษฐ์แบบหักลำ
ปืนไทยประดิษฐ์แบบหักลำ จะมีด้ามจับ ลำกล้อง รังเพลิงที่โดยรวมมองออกว่าเป็นอาวุธปืน ปืนไทยประดิษฐ์จากช่างบางคนในไทยสามารถนำไปตีขึ้นทะเบียนเป็นอาวุธปืนได้เหมือนปืนที่นำเข้า วิธีการยิงใส่ลูกกระสุน .22 หรือ .38 ที่หาซื้อได้จากร้านขายอาวุธปืน โดยไม่ต้องเอาตะกั่ว หรือตัวยิงระเบิดมาดัดแปลง ปืนไทยประดิษฐ์แบบหักลำเมื่อยิงแล้วต้องหักลำให้ปลอกกระเด็นออก ความอันตรายก็ส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตได้
- ปืนปากกา คืออะไร
ปืนปากกา คืออาวุธที่ถูกดัดแปลงขึ้นเพื่อไม่ให้มองออกว่าเป็นอาวุธ พกพาได้ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง ดัดแปลงจากปากกาที่มีด้ามเป็นโลหะ ดึงไส้ปากกาออก เพิ่มส่วนประกอบอื่นๆ ให้ลั่นไกและยิงได้ ลูกกระสุนก็มักถูกดัดแปลงด้วย อันตรายของปืนปากกามีตั้งแต่บาดเจ็บ จนถึงเสียชีวิตหากยิงเข้าจุดสำคัญ
โทษของการมีปืนไทยประดิษฐ์ไว้ในครอบครอง
...
การมีอาวุธปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ในครอบครอง แม้ว่าจะวางอยู่ในบ้าน ศาลก็จะตัดสินพร้อมกับดูรูปความประกอบอื่นๆ ด้วย ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน มีดังนี้
1. ทำโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ซื้อ โดยไม่ได้รับอนุญาต
3. มี โดยไม่ได้รับอนุญาต
4. ใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาต
5. สั่งเข้ามาจากนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต
6. นำเข้ามาจากนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากผู้ครอบครองมี “ส่วนใดส่วนหนึ่งของอาวุธปืน” หรือ “มีกระสุนปืน” ก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน
การพกพาปืนเถื่อน มีความผิดคือ จำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ผู้ที่ถูกจับเรื่องการพกพาปืนไทยประดิษฐ์มักได้รับแจ้งข้อกล่าวหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือในสถานที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือมีความจำเป็นเร่งด่วน
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ต้องไปขออนุญาตต่อนายทะเบียน ซึ่งสามารถโอนเปลี่ยนเจ้าของได้ ยกตัวอย่างเช่น การโอนเป็นมรดก กรณีเจ้าของเดิมเสียชีวิต ลูกหลานก็ต้องไปแจ้งขออนุญาตถ่ายโอน แม้ว่าอาวุธปืนนั้นจะเคยขอขึ้นทะเบียนได้รับอนุญาตแล้วก็ตาม ต้องไปแจ้งภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รู้ถึงการตายของเจ้าของปืน ถ้าไม่แจ้งจะมีโทษปรับ 1,000 บาท และต้องไปทำเรื่องกับนายทะเบียนท้องที่เพื่อออกใบทะเบียนใหม่ภายใน 6 เดือน
ที่มาส่วนหนึ่งจาก : กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย