น้ำกรด เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดบาดแผลไหม้ที่รุนแรงและมีอาการปวดแสบปวดร้อน หากต้องทำการช่วยเหลือผู้ถูกน้ำกรดต้องมีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นดังต่อไปนี้
- ตั้งสติ แล้วพิจารณาว่าสามารถทำการช่วยเหลือได้หรือไม่ หากอาการรุนแรงและสาหัสมากให้รีบแจ้ง 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ
- ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการตัดเสื้อผ้าและถอดเครื่องประดับที่อยู่บริเวณที่โดนน้ำกรดออก ทั้งนี้ผู้ช่วยเหลือต้องใส่ถุงมือพลาสติกเพื่อป้องกันตัวเองจากน้ำกรดด้วย
- ใช้กระดาษหรือผ้าสะอาดซับน้ำกรดออกไปให้มากที่สุด ห้ามเช็ด เพราะอาจไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้
- ใช้น้ำสะอาดราดบริเวณบาดแผลให้มากที่สุด เป็นเวลาอย่างน้อย 5-10 นาที หรือจนกว่าอาการปวดแสบปวดร้อนจะลดลง เพื่อชำระล้างน้ำกรดให้ออกไปมากที่สุด โดยห้ามเช็ด ถู หรือขัด โดยเด็ดขาด
- หากเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง และห้ามใช้น้ำยาล้างตา
- ใช้ผ้าสะอาดที่ไม่เป็นขุย เช่น ผ้าก๊อซ ปิดแผล
- นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
ข้อควรระวังในการปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่ถูกน้ำกรด
- อย่าจับต้องแผลโดยไม่จำเป็น
- ห้ามทายาทุกชนิด โลชั่น ครีม บริเวณแผล
- ห้ามใช้ผ้าที่มีขนปุยๆ ปิดแผล
ผลกระทบจากน้ำกรด
ไทยรัฐออนไลน์เคยลงบทความเกี่ยวกับผลกระทบจากน้ำกรดว่า เมื่อกรดซัลฟิวริกหรือกรดไฮโดรคลอริก สัมผัสกับผิวหนัง จะทำให้เกิดการตายของเซลล์เฉพาะส่วนซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อเป็นแผลเปื่อย และการไหม้จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการกำจัดน้ำกรดออกไป
...
การไหม้ของน้ำกรดอาจทำให้เกิดการเสียโฉมหรือความพิการตลอดชีวิต โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรง หากน้ำกรดเข้าตาก็ทำให้ตาบอดได้ด้วย มีผู้ป่วยจำนวนมากที่โดนน้ำกรดสาดจากการถูกทำร้ายร่างกายส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างใบหน้าอย่างถาวร และมีแผลเป็นที่ส่งผลกระทบต่อการแสดงสีหน้า ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขก็ไม่สามารถกลับไปหายดีได้เหมือนเดิม
นอกจากนี้ คนไข้หลายคนยังต้องทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บเรื้อรัง โดยเฉพาะการเจ็บเส้นประสาทซึ่งต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ และรับการรักษาหลายต่อหลายครั้ง ขณะที่ผลกระทบทางด้านสภาพจิตใจ อาจแสดงออกอย่างชัดเจน เช่น ภาวะเครียดรุนแรงซึ่งจะนำไปสู่ โรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post Traumatic Stress Disorder: PTSD) ที่ส่งผลให้เกิดความกลัวและกังวลว่าจะถูกทำร้าย และยังไม่สามารถยอมรับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของตนเองได้อีก
ดังนั้นผลกระทบจากน้ำกรดไม่ได้ทิ้งร่องรอยแค่การบาดเจ็บทางร่างกายภายนอกที่ไม่สามารถรักษาให้หายเป็นเหมือนเดิมได้เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงจิตใจภายในของผู้บาดเจ็บอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง: โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, หมอชาวบ้าน