ปี 2022 เป็นปีแห่งการฉลองครบรอบ 40 ปีของสนีกเกอร์ NIKE สุดคลาสสิกอย่าง Air Force 1 รองเท้าบาสเกตบอลที่ถือกำเนิดขึ้น ครั้งแรกในปี 1982 และครองความนิยมมาอย่างยาวนาน ซึ่งในโอกาสพิเศษนี้ atmos Bangkok ได้ร่วมฉลองให้กับรองเท้ารุ่นนี้ AIR FORCE I ด้วยการจัดงาน Air Force 1 40th Anniversary Exhibition ขึ้น โดยงานครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรกและถือเป็นไฮไลต์ของงานนี้ก็คือคอลเลกชัน “Back to the Hood,Back to the Root” อันเป็นผลงานการออกแบบโดยคุณ "แพร อมตา จิตตะเสนีย์" หรือ Pearypie อินฟลูเอนเซอร์คนสำคัญผู้ผลักดันให้ผ้าไทยก้าวสู่แฟชั่นระดับโลก โดยคอลเลกชันนี้ได้นำเอาอัตลักษณ์อันโดดเด่นของงานหัตถกรรมของไทยมาถ่ายทอดลงบน Air Force 1 ทั้งหมด 6 คู่ แต่ละคู่จะผ่านการ Custom ตกแต่งอย่างประณีต ด้วยผ้าพื้นเมืองอันขึ้นชื่อจากจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย
ผ้าที่ใช้ในการ Custom รองเท้า ได้แก่
Nike Air Force 1 “Phrae Wa The Queen of Silk"
SIZE 6 US
Air Force 1 คู่นี้ออกแบบด้วยผ้าไหมแพรวาจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 'ราชินีแห่งผ้าไหม' เป็นผ้าพื้นเมืองที่สืบทอดมาจากชาวผู้ไท ผ้าไหมแพรวาแต่ละผืนถูกทอด้วยความรักและความตั้งใจ ทุกลายมีความหมาย ล้วนสืบสานมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็นมรดกตกต่อกันมาหลายชั่วอายุคน มีคุณค่าของผ้าจึงไม่ใช่แค่มูลค่าที่สูงเท่านั้นแต่เป็นความ “สวยและยิ่งใหญ่” ที่ถ่ายทอดความภูมิใจของชาวอีสานลงไปด้วย
คู่นี้ตกแต่งด้วยผ้าไหมแพรวาสีแดงทอโดย 'แม่คำสอน สระทอง' ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปรมาจารย์แห่งการทอผ้าที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ตัวรองเท้าจะตกแต่งออกมาในโทนสีขาว/แดง โดยตัดเน้นเนื้อผ้าในส่วนบนของรองเท้า ตัดกับสีขาวของวัสดุหนังดั้งเดิมของ Air Force 1 ให้มุมมองอันโดดเด่นด้วยการวางลายผ้าให้สอดคล้องกับรูปทรงของรองเท้า และตกแต่งด้วยเชือกปลายผ้าที่ด้านหลัง
NIKE AIR FORCE 1 "SAKHON NAKHON"
SIZE 7 US
ถ้าพูดถึงจังหวัดสกลนคร แน่นอนต้องนึกถึง 'คราม-ราชาแห่งสีย้อม' สีครามเป็นสีย้อมธรรมชาติเก่าแก่ซึ่งมนุษย์ค้นพบมานานกว่า 6,000 ปี ครามแห่งจังหวัดสกลนครเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ให้สไตล์ของสีที่มีความโดดเด่นและเท่ในแบบของตัวเอง สีครามให้บุคลิกที่สุภาพ และมีความสงบนิ่ง โดยครั้งนี้คุณแพรไม่เพียงแต่จะถ่ายทอดกรรมวิธีนี้ออกมาเท่านั้นแต่ยังแฝงไว้ด้วยความงามของผ้าพื้นบ้านหลากหลายชนิดในสกลนครที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน ได้แก่ 'ผ้าฝ้ายกระตุ่ย' เป็นฝ้ายพันธุ์พื้นบ้านที่ให้สีน้ำตาลอ่อนโดยธรรมชาติ ให้เนื้อผ้าสีน้ำตาล “ผ้าฝ้ายเข็นมือย้อมคราม” จากกลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านอูนดง-หนองไชยวาลย์ เป็นผ้าที่เกิดจากการปั่นดอกฝ้ายให้เป็นเส้นๆ ด้วยมือ แล้วนำไปย้อมด้วยสีจากต้นครามก่อนนำมาทอ และ “ผ้าดาวกระจาย” โดยครูแมน-ปราชญ์ นิยมค้า แห่งแบรนด์ Mann Craft ซึ่งใช้เทคนิค Eco Print ถ่ายทอดลายของดอกไม้มาบนผ้า
ในส่วนของดีไซน์นั้นหลักๆ จะใช้ผ้าฝ้ายกระตุ่ยสีน้ำตาลอ่อนตัดกับสีส้มของดอกไม้ จากนั้นตกแต่งด้วยผ้าฝ้ายเข็นมือย้อมครามบน Swoosh และชิ้นส่วน Eyestay ส่วนด้านข้างจะแทรกด้วยผ้าฝ้ายกระตุ่ยสีน้ำตาลอ่อนที่ให้ผิวสัมผัสเฉพาะตัว และปิดท้ายด้วยความคลาสสิกของปลายเท้าสีขาวจากวัสดุดั้งเดิมของ Air Force 1
NIKE AIR FORCE 1 “ESAN TO SOUTH”
SIZE 8 US
การพบกันระหว่างที่สุดของอีสานกับความงามจากภาคใต้บนรองเท้า Air Force 1 โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่าง “พ่อโก๋ สุรโชติ ตามเจริญ” จากจังหวัดสุรินทร์ และ “อาจารย์ปิยะ สุวรรณพฤกษ์” จากจังหวัดยะลา โดยตัวรองเท้าจะมาในโทนสีน้ำเงิน/ขาว บริเวณหน้าเท้าจะตกแต่งด้วยเศษผ้าไหม "ผ้าโฮล" โดยพ่อโก๋ สุรโชติ เป็นผ้ามัดหมี่ชนิดหนึ่งที่มีลวดลายเฉพาะตัว ทอด้วยมือและย้อมครามจนได้สีน้ำเงินที่สวย ผสมผสานกับตัวรองเท้าสีขาวของ Air Force 1 ที่ตกแต่งด้วยลายแบบผ้าพื้นเมืองปะลางิงด้วยฝีมือการวาดของอาจารย์ปิยะ โดยวาดแบบฟรีแฮนด์ด้วยลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องกระเบื้องเคลือบจีน เป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว
NIKE AIR FORCE 1 "ALL GOLD"
SIZE 9 US
แรงบันดาลใจจากความรุ่งเรืองของสมัยอยุธยาถูกถ่ายทอดลงบน Air Force 1 ด้วยผ้าเขียนลายทอง (พระภูษาลายเขียนทอง) จาก ‘กลุ่มภูษาผ้าลายอย่าง’ โดยผ้าเขียนลายทองเป็นหนึ่งในผ้ามีความพิถีพิถันในการผลิตมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก มีกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อน เริ่มจากผ้าไหมที่ผ่านกรรมวิธีให้เนื้อผ้ามีความแน่น ขั้นตอนการเขียนลายจะทำด้วยมือทั้งหมดซึ่งใช้ทักษะชั้นสูงและใช้ระยะเวลาการวาดที่นานมากตามความซับซ้อนของลวดลาย สิ่งที่วาดลงไปเป็นยางที่ผสมจากน้ำยางมะเดื่ออุทุมพรซึ่งขึ้นริมฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี เมื่อวาดเสร็จจึงปิดด้วยทองคำเปลวแท้ที่คัดมาพิเศษเพื่อให้ได้สีทองที่สม่ำเสมอกันมากที่สุด ส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการเขียนราวๆ 6-10 เดือน
โดยการออกแบบของรุ่นนี้จะตกแต่งด้วยผ้าเขียนลายทองทั้งคู่ ให้ความอร่ามของลวดลายสีทองเพื่อสะท้อนภาพในอดีตของกรุงศรีอยุธยาอันรุ่งเรือง โดยเฉพาะทองคำที่มีอยู่มากมายเต็มพระนคร
NIKE AIR FORCE 1 "LAHU"
SIZE 10 US
แรงบันดาลใจจากกลุ่มชาติพันธุ์ล่าหู่แดงทางภาคเหนือที่ถ่ายทอดออกมาผ่านงานหัตถกรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยวัสดุที่ใช้ในการออกแบบ Air Force 1 คู่นี้จะเป็น ‘ผ้าทอล่าหู่แดง’ จากชุมชนบ้านห้วยป่าแขม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่วิธีการทอเฉพาะ โดดเด่นด้วยสีสันที่สดใส บนลายผ้าจะมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมแสดงถึงภูเขาอันสื่อถึงวิถีชีวิตของชาวล่าหู่ที่ชอบอยู่บนป่าเขา สีสันสดใสบนผ้าเปรียบเหมือนดอกไม้ป่าที่สดใสสวยงามและมีหลากหลายและสัญลักษณ์ประจำตัวของล่าหู่คือน้ำเต้าเพราะเชื่อว่าน้ำเต้าแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ โดยการออกแบบของคู่นี้จะใช้ลวดลายต่างๆ ของผ้าทอล่าหู่แดงมาจับคู่เข้ากับตัวรองเท้าสีดำ ซึ่งจัดวางออกมาได้อย่างลงตัว และสามารถชูความเป็นเอกลักษณ์ของลวดลายออกมาได้อย่างชัดเจน
NIKE AIR FORCE 1 “SOUTH CAMOUFLAGE”
SIZE 11 US
เมื่อเอ่ยถึง ‘กล้วย’ หลายคนจะนึกถึงกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ แต่จะมีสักกี่คนที่นึกถึง ‘กล้วยหิน’ อาจจะเป็นเพราะเป็นพืชเฉพาะพื้นที่ซึ่งพบได้เพียงในจังหวัดยะลาเท่านั้น โดยทั่วไปกล้วยหินจะชอบขึ้นในบริเวณที่มีดินกรวดหิน และดินร่วนปนดินเหนียว จึงเป็นที่มาของชื่อ “กล้วยหิน” กล้วยหินเป็นกล้วยที่มีเนื้อเยอะและมีความนุ่มหนึบ เปลือกหนา ชาวบ้านมักนำไปแปรรูปทำเป็นกล้วยหินฉาบ กล้วยหินตาก เป็นของฝากประจำจังหวัด แต่นอกจากนำไปรับประทานแล้วชาวบ้านยังนำเปลือกกล้วยหินมาใช้ในการย้อมและตกแต่งลวดลายผ้า ซึ่งให้สีสันอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยศูนย์เรียนรู้ผ้าปะลางิงศรียะลาบาติก จังหวัดยะลาได้ริเริ่มฟื้นฟูตำนานของผ้าปะลางิงให้กลับมาอีกครั้งหลังจากสูญหายไปกว่า 80 ปี ในคู่นี้จะมาในโทนสีดำเน้นความเท่ ด้วยเทคนิคบาติกแม่พิมพ์ไม้ ลายกล้วยหิน ทำออกมาในสไตล์แบบลายพรางสีเขียวซึ่งจับคู่เข้ากับพื้นรองเท้าสีดำได้อย่างลงตัว
โดยทั้งหมดจะคัสตอมผ่าน Air Force 1 Low สีขาวสุดคลาสสิก ทำการผลิตแบบ Handmade อย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด และมีเพียงคู่เดียวในโลก ซึ่งทั้งหมดจะวางจำหน่ายในงานนี้ผ่านการประมูลเพื่อนำรายได้บริจาคให้กับองค์กรการกุศล โดยราคาประมูลจะเริ่มต้นที่ 5,000 บาท (สามารถติดตามรายละเอียดในการประมูลนี้ได้ที่ Facebook ของ atmos bangkok)
ส่วนที่ 2 ของงานเราจะได้พบกับนิทรรศการที่รวบรวมเอาเรื่องราวของ Air Force 1 และรองเท้ารุ่นหายากมาจัดแสดง โดยจะมีการจัดฉายสารคดี "History Of Air Force 1" ที่จะบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่จุดเริ่มต้นของรองเท้ารุ่นนี้ ซึ่งในส่วนของสารคดีจะจัดฉายในงานเปิดตัวของนิทรรศการ วันที่ 11 สิงหาคม 2565
และส่วนที่ 3 ของงานเป็นการวางจำหน่าย Nike Air Force 1 Retro "Color of the Month" รองเท้ารุ่นพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงการกลับมาของ Air Force 1 ในปี 1984 ซึ่งเกิดขึ้นจากกลุ่มร้านรองเท้ากีฬาในเมืองบัลติมอร์ที่ช่วยผลักดันจนเกิดทำให้ Air Force 1 ได้กลับมาผลิตอีกครั้งและมีการออกแบบสีใหม่ต่างๆ วางขายในแต่ละเดือน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ได้รับความนิยมและเป็นจุดกำเนิดของวัฒนธรรมสนีกเกอร์ขึ้นในโลกสำหรับดีไซน์ของ Air Force 1 Retro "Color of the Month" นี้จะมาในวัสดุหนังระดับพรีเมียมออกแบบด้วยรูปทรงรองเท้าและดีเทลแบบย้อนยุคเพื่อให้ใกล้เคียงกับโมเดลในยุค 80's มากที่สุดเพิ่มความคลาสสิกด้วยพื้นนอกสียางดิบ วางจำหน่ายใน 2 สีได้แก่สีขาว/น้ำเงิน (White/VarsityRoyal-Gum Yellow) และสีขาวแดง (White/University Red-Gum Yellow)
โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกล่องรองเท้าสีน้ำตาลแบบย้อนยุคและมาพร้อมแปรงขัดรองเท้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ โดยสำหรับลูกค้าที่ซื้อรองเท้ารุ่นนี้ในงานก็จะได้รับโปสเตอร์ และถุงผ้า Limited Edition ที่ทำขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
งานฉลองครบรอบ 40 ปี Air Force 1 ครั้งนี้จัดขึ้นในวันที่ 11 ลิงหาคม 2565 โดยคุณ แพร-อมตา จิตตะเสนีย์ จะมาร่วมงานเพื่อพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลกชัน "Origin of Material" นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับไอเทมสุดพิเศษจาก atmos Bangkok อีกด้วย ใครที่อยากสัมผัสกับความคลาสสิกของ Air Force 1 มาพบกันได้ที่ศูนย์การค้า Centralworld ชั้น 2 โซน Beacon โดยในส่วนของนิทรรศการสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 6-20 สิงหาคม 2565