SROI หรือ Social Return on Investment ได้กลายมาเป็นเครื่องมือในการสร้างความคุ้มค่าด้วยการบริหารผลตอบแทนทางสังคม ที่เครือข่ายระดับโลกอย่าง Social Value International ซึ่งสมาชิกเครือข่ายกว่า 700 องค์กรใน 45 ประเทศทั่วโลก และมีองค์กร Local/ Regional Social Value ระดับเครือข่ายใน 26 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกำลังเร่งขับเคลื่อน รวมทั้งเร่งผลิตนักวิเคราะห์และผู้ประเมินบัญชีทางสังคม เพื่อตอบโจทย์ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustain able Development Goals : SDGs ในปี 2030 หรือ พ.ศ.2573
อังกฤษเป็นประเทศแรกที่ลุกขึ้นมาขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ด้วยการผ่านกฎหมาย SOCIAL VALUE ACT ในปี 2012 โดยเริ่มกำหนดให้ภาครัฐพิจารณา “คุณค่าสังคม” (Social Value) ในการใช้งบประมาณของหน่วยงานต่างๆ เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หน่วยงานการบริหารงานส่วนกลาง หน่วยงานในระบบสาธารณสุข เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ โดยส่งเสริม “Eco-System” การประเมินคุณค่าสังคมที่น่าเชื่อถือผ่านคู่มือการจัดอบรม และการส่งเสริมกลุ่มหน่วยงานให้คำปรึกษาและตรวจประเมิน ตลอดจนส่งเสริมรูปแบบการมีส่วนร่วมในชุมชนผ่านโมเดลที่เรียกว่า LOCAL COMPACT ที่หน่วยงานชุมชนจะเป็นผู้กำหนดสิ่งที่ชุมชนต้องการคุณค่าที่ต้องการให้ส่งมอบ และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบริการสาธารณะที่ดีร่วมกับองค์การบริหารภาครัฐ และ Contractor รวมทั้งร่วมวางกรอบการติดตามประเมินที่น่าเชื่อถือ มีความโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับ
...
จากความมุ่งมั่นดังกล่าวทำให้อังกฤษมีผู้เชี่ยวชาญการประเมิน SROI มากที่สุด รวมถึงมีตัวเลขของรายงานการประเมินผลทางสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเป็นประเทศที่มีการเปิดเผยข้อมูลการประเมินทางสังคม SROI Report มากที่สุด จากกว่า 45 ประเทศทั่วโลก
ส่วนในเอเชีย เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการก้าวกระโดดของความตื่นตัวในการนำกรอบมาตรฐานโลกดังกล่าวไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม มีการจัดตั้งเครือข่าย Social Value ในหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ไทย เกาหลี อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยไต้หวันเป็นประเทศที่มีความโดดเด่น และมีจำนวนการเปิดเผยข้อมูล SROI Data มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากอังกฤษ
ไต้หวันมีการร่วมนำการขับเคลื่อนโดย National Central University และ Yunus Social Business Centre ที่เชื่อมโยงความร่วมมือของคณาจารย์ นิสิต นักศึกษา นำกรอบมาตรฐานและความเป็นวิชาการ บวกกับความเป็นผู้ประกอบการทางสังคม และการสนับสนุนของภาคธุรกิจ จัดตั้ง SOCIAL VALUE TAIWAN ขึ้นเมื่อปี 2018 นำโดยประธานบริษัท EasyCard ผู้ให้บริการระบบบัตรขนส่งมวลชนที่เชื่อมโยงการชำระค่าบริการร่วมกับสถานประกอบการห้างร้านต่างๆอย่างครบวงจร มาสู่การขับเคลื่อนสังคม
...
สำหรับ “ประเทศไทย” Social Value Thailand เปิดตัวในปี 2017 ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงวิกฤตการณ์ที่ทั่วโลกเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นตัวเร่งสำคัญในการกระตุกทิศทางการพัฒนาของโลกและประเทศไทย ในการพัฒนาภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างทุนสังคม และวัฒนธรรมการเอื้อเฟื้อแบ่งปัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยตระหนักและพร้อมผลักดันให้ “เรื่องสังคม” ถูกจัดให้เป็น “เรื่องสำคัญ” เป็นยุทธศาสตร์ เป็นกลยุทธ์และถูกนำมาเป็นหนึ่งในการวัดขีดความสามารถของบริษัท องค์กร และหน่วยงานต่างๆ
ส่งผลให้ไทยติดอันดับที่ 40 จาก 162 ประเทศ โดยประสบความสำเร็จอย่างดีในเรื่องของการขจัดความยากจน แต่ที่ยังต้องเดินหน้ากันต่อไปคือเรื่องของความเท่าเทียมทางการศึกษา, การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, การลดความเหลื่อมล้ำ, การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากร ทางทะเล
...
SROI อาจไม่ใช่เครื่องมือวัดตัวเลขหรือมูลค่าของการลงทุน หากแต่เป็นการวัดว่า คนและสังคมมีอะไรที่ดีขึ้นบ้างจากการลงทุนหรือดำเนินกิจการของรัฐ ซึ่งที่ผ่านมา ในหลายๆประเทศพบว่า SROI ทำให้เกิดผลลัพธ์ทางสังคมที่ดีขึ้น ผ่านการลงทุนในชุมชนโดยตรง การจ้างงาน การสร้างอาชีพ การฝึกฝนพัฒนาศักยภาพคน และการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในทิศทางที่ดีขึ้น ในการสร้างระบบการบริหารจัดการผลลัพธ์ทางสังคมเป็นลำดับสำคัญในโลกธุรกิจและทุนนิยมในยุค New Normal
จะมีประโยชน์อะไร หากประเทศมีความทันสมัย เดินเข้าสู่ดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ไม่เหลือสิ่งแวดล้อมที่ดี หรืออากาศดีๆ ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ หรือแม้แต่ “มนุษย์” ที่มีคุณภาพไว้ให้กับโลกและคนรุ่นต่อๆไป.