Thor: Love and Thunder (ธอร์ ด้วยรักและอัสนี) หนึ่งในภาพยนตร์แฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์ของจักรวาลมาร์เวล ที่แฟนๆ ซุปเปอร์ฮีโร่ทั่วโลกรอคอย กลับมาโลดแล่นบนจอฟิล์มอีกครั้งกับเรื่องราวภาคต่อเรื่องที่ 4 ของ "ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า" ที่ได้ผู้กำกับดีกรีออสการ์อย่าง Taika Waititi มารับหน้าที่ต่ออีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก Thor: Ragnarok โดยการกลับมาครั้งนี้ถือเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากมีตัวละครใหม่ และตัวละครเก่า โคจรมาพบกันเพื่อสร้างตำนานบทใหม่ให้แฟนๆ ชวนลุ้น ไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวม 5 เกร็ดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Thor: Love and Thunder มาฝากกัน

เรื่องย่อ Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

ภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder หรือ ธอร์ ด้วยรักและอัสนี ผลงานฟอร์มยักษ์จาก Marvel Studios เล่าเรื่องราวของ "ธอร์" เทพเจ้าสายฟ้าที่กำลังฟื้นฟูจิตใจและร่างกาย เพื่อค้นหาความสงบสุขภายในจิตใจ หลังผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ใน Avengers: Endgame แต่แล้วชีวิตที่สงบสุขก็ถูกทำลายลง เมื่อ "กอร์" นักฆ่าผู้ตามล้างบางเทพเจ้า ได้ออกตามล่าปลิดชีวิตเทพเจ้าทั้งมวล เพื่อหวังให้สูญพันธ์ุจนหมดสิ้น ทำให้ธอร์ต้องกลับมาต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ โดยได้กลับมาพบกับ "เจน ฟอสเตอร์" อดีตคนรัก ที่อยู่ในร่างของ "The Mighty Thor" และได้ครอบครองค้อนโยเนียร์ของเขา ทั้งคู่ต้องร่วมมือกับ "ราชาวัลคีรี่" เพื่อหยุดยั้งนักฆ่าเทพเจ้าให้ได้ ก่อนที่หายนะครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

...

รายชื่อนักแสดง Thor: Love and Thunder
- คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบท "ธอร์"
- คริสเตียน เบล รับบท "กอร์"
- นาตาลี พอร์ตแมน รับบท "เจน ฟอสเตอร์"
- เทซซ่า ทอมป์สัน รับบท "ราชาวัลคีรี่"

Thor: Love and Thunder เข้าวันไหน?
ภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder หรือชื่อภาษาไทย "ธอร์ ด้วยรักและอัสนี" มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

5 เรื่องน่ารู้ Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

1. "นาตาลี พอร์ตแมน" กลับมาอีกครั้ง
แฟนๆ มาร์เวลรู้จักนักแสดงสาว นาตาลี พอร์ตแมน ในฐานะแฟนสาวของธอร์ในภาคแรกๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกรากันไป และได้กลับมาพบกับอีกครั้งใน Thor: Love and Thunder โดยพลิกบทบาทสู่ The Mighty Thor หรือธอร์ฝ่ายหญิง ที่ประสบปัญหาชีวิตบางอย่าง จนได้ครอบครองค้อนโยเนียร์ ซึ่งเป็นอาวุธเก่าของธอร์ และกลายเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญต่อจุดเปลี่ยนมุมมองความคิดของธอร์ในภาคนี้

2. การแสดงที่น่าจับตามองของ "คริสเตียน เบล"
หากพูดถึงชื่อของนักแสดงเจ้าบทบาทมากความสามารถในวงการฮอลลีวูด ต้องมีชื่อของ "คริสเตียน เบล" ติดโผแน่นอน หลายคนรู้จักเขาจากบทบาท "แบทแมน อัศวินรัตติกาล" แต่การมาร่วมโปรเจกต์ Thor: Love and Thunder ในครั้งนี้ เขาสวมบท Gorr the God Butcher วายร้ายที่น่ากลัวที่สุด ผู้เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของเหล่าเทพเจ้า ซึ่งตัวละครนี้ถือเป็นการเปิดตัววายร้ายตัวใหม่ของทางมาร์เวลด้วย

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

...

3. หัวเราะไปกับอารมณ์ขันของผู้กำกับ
หลังจากประสบความสำเร็จจากธอร์ภาคก่อนๆ ผู้กำกับชาวนิวซีแลนด์อย่าง "ไทก้า ไวตีติ" (Taika Waititi) ก็กลับมาสานต่อหนังแฟรนไชส์ในครั้งนี้ เขาคือผู้กำกับดีกรีรางวัลออสการ์ ผู้เคยฝากความประทับใจไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Jojo Rabbit (2019) ทั้งนี้ เขาเป็นผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องการมี sense of humor หรือมีอารมณ์ขัน ซึ่งได้ถูกนำมาสอดแทรกไว้ในบทบาทขอตัวละคร และฉากต่างๆ ของหนัง ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

4. เพลงประกอบภาพยนตร์ถูกใจชาวร็อก
สำหรับเพลงประกอบภาพยนตร์ Thor: Love and Thunder คือ "Sweet Child O Mine" ของวง Guns N Roses ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางผู้กำกับ ไทก้า ไวตีติ ก็เคยเลือกใช้เพลง "The Immigrant Song" ของ Led Zeppelin ในหนังภาคก่อนอย่าง Thor: Ragnarok ซึ่งถือเป็นเพลงของวงร็อกที่โด่งดังทั้งคู่ แน่นอนว่าสำหรับภาคนี้ ส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยเพลงประกอบร็อกตามสไตล์ของผู้กำกับ ซึ่งช่วยสร้างอารมณ์ให้กับฉากต่างๆ ในหนังได้เป็นอย่างดี เช่น "November Rain" และ "Welcome To The Jungle" ของวง Guns N’ Roses, "Our Last Summer" ของ ABBA เป็นต้น

5. ห้ามพลาดเครดิตท้ายเรื่อง
เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของหนังมาร์เวลไปแล้ว สำหรับฉาก End credit ท้ายเรื่อง ซึ่ง Thor: Love and Thunder ด้วยรักและอัสนี ก็ยังมีเครดิตตอนจบให้ดูถึง 2 วิดีโอ แต่ละคลิปความยาวประมาณ 1 นาที ซึ่งสามารถสร้างเสียงฮือฮาให้ผู้ชมได้ พร้อมกับบอกเป็นนัยถึงการปูเรื่องไปสู่เนื้อหาในอนาคต เพราะฉะนั้นดูหนังจบ อย่าเพิ่งลุก รอชมเครดิตท้ายเรื่องกันก่อน จะได้รอลุ้นเรื่องราวภาคต่อของจักรวาลนี้ได้สนุกยิ่งขึ้น

...

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

หลังจาก Thor: Love and Thunder ด้วยรักและอัสนี เข้าฉายอย่างเป็นทาง ปัจจุบันได้รับคะแนนรีวิวจากเว็บไซต์ IMDB อยู่ที่ 7.5 คะแนน ความโดดเด่นของธอร์ภาคนี้ อยู่ที่การนำเสนอตัวตนของธอร์ในแง่มุมที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์และความรู้สึก ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทางต่างๆ ของเขา แม้จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังวิเศษและความแข็งแกร่ง แต่หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญในชีวิตมา และเลือกที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกปวดร้าวไว้ภายในจิตใจ ด้วยการพยายามแสวงหาความสงบสุขในชีวิต ทว่านั่นคือการกดทับอารมณ์และความรู้สึกกลัวการสูญเสียเอาไว้ ทำให้ในภาคนี้เราจะได้เห็นตัวตนของธอร์ที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น 

...

หากใครเคยชมผลงานการกำกับเรื่อง Jojo Rabbit ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้ Taika Waititi ได้รับรางวัลออสการ์ ก็จะเห็นได้ว่า เขามักจะสอดแทรกอารมณ์ขันแบบตลกร้าย แต่ขณะเดียวกันในท่ามกลางโศกนาฏกรรม ก็จะมองเห็นความดีงามของมนุษย์ ซึ่งลายเซ็นส่วนนี้ก็สามารถสัมผัสได้จาก Thor: Love and Thunder ด้วยรักและอัสนี โดยมีการสะท้อนมุมมองผ่านตัวละครต่างๆ ให้ผู้ชมมองเห็นความหวังที่ปลายทางอยู่เสมอ รวมทั้งการไม่ตัดสินความดี-ความชั่วของมนุษย์ จากเพียงการกระทำเดียว แต่ไม่ว่าจะเทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ หรือมนุษย์ธรรมดา ก็ยังมีความเป็น "สีเทา" โลภ โกรธ หลง พร้อมทั้งตั้งคำถามท้าทายความเชื่อบางประการเกี่ยวกับเทพเจ้า

รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
รีวิว Thor: Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี

นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามิติของตัวละคร "กอร์" ที่รับบทโดย คริสเตียน เบล ถือเป็นการแสดงที่คุ้มค่าการรอคอย การเข้าถึงบทบาทและแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของวายร้ายตัวใหม่จากค่ายมาร์เวลได้ดี และยังถือเป็นตัวละครสำคัญที่จะปูทางไปสู่เนื้อหาใหม่ๆ ในภาคต่อที่ต้องจับตามองกันต่อไป รวมทั้งตัวละครใหม่ที่จะถือกำเนิดขึ้นจากการตัดสินใจกระทำการบางอย่างเพื่อท้าทายเทพเจ้าของตัวธอร์เอง...