สมชัย เลิศสุทธิวงค์ สรุป 2 บทเรียน กับ 3 ความภาคภูมิใจกับประสบการณ์ 8 ปี ในฐานะซีอีโอ AIS (เอไอเอส) ที่บริหารค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของไทย ให้ยังคงอันดับ 1 ในตลาด และเตรียมถ่ายทอดความรู้สึกถึงทีมงานเอไอเอสในการประชุมแบบทาวน์ฮอลล์ (Town Hall) เร็วๆ นี้ และแน่นอนว่า สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ซีอีโอเอไอเอสต่อไป จนกว่าจะมีผู้สืบทอดตำแหน่งแทน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่ สมชัย เลิศสุทธิวงค์ เข้ารับตำแหน่งซีอีโอ หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส (AIS) ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่รุนแรง เพราะเพิ่งผ่านการประมูลคลื่น 3G มาเพียงปีเดียว และอยู่ในช่วงชิงลูกค้าจากดีแทค และทรูมูฟ และไม่เพียงแค่นั้น ยังต้องเตรียมตัวเพื่อช่วงชิงคลื่น 4G อีกด้วย
เมื่อย้อนเวลาไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว สิงเทล หรือสิงคโปร์เทเลคอม ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เอไอเอส กำลังเลือกเฟ้นซีอีโอคนใหม่ ซึ่ง สมชัย เป็นหนึ่งในหลายสิบคนที่สิงเทลกำลังพิจารณา โดยในช่วงเวลานั้น จากประวัติ สมชัย เลิศสุทธิวงค์ นับเป็นลูกหม้อที่ทำงานที่เอไอเอส และกลุ่มชินคอร์ปมานานกว่า 20 ปี และอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรหลายด้านมาตลอด เช่น งานด้านรัฐกิจสัมพันธ์ และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด
จุดเปลี่ยนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ขณะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อพูดคุยกับหัวเว่ย ในการนำเทคโนโลยี 4G มาใช้ ก็ได้รับทราบว่าถูกคัดเลือกให้เป็นซีอีโอคนใหม่ จากนั้นเมื่อกลับถึงประเทศไทย วันรุ่งขึ้นก็ประชุมแบบ Town Hall กับพนักงานทันที ด้วยใจความสำคัญที่สื่อสารกับพนักงานคือ “นับจากวันนี้ AIS จะต้องเปลี่ยนตัวเองจาก Mobile Operator สู่ Digital Life Service Provider ให้ได้”
ด้วยความเชื่อมั่นที่เขาให้เหตุผลกับหลายคนใน AIS คือ “เราต้องเปลี่ยนแปลงในวันที่เราแข็งแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอนาคต ดีกว่าที่ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนในวันที่เราจะปรับตัวไม่ทัน”
...
แม้ในช่วง 8 ปีในการนำทัพ จะมีผลงานที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายด้านของ AIS ขณะเดียวกัน สมชัย ก็ได้สรุปบทเรียน ความท้าทาย บอกเล่าผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และเตรียมพูดคุยกับพนักงานใน Town Hall เร็วๆ นี้ ไว้อย่างน่าสนใจ
2 บทเรียน ความหวังและความท้าทายที่ยังต้องลุยต่อ
สิ่งที่ สมชัย มองว่าเป็นบทเรียน หรือสิ่งที่จะทำเพิ่มเติมให้สำเร็จตามที่มุ่งมั่นไว้มี 2 ข้อ สรุปคือ ข้อแรก มีสิ่งที่ยังทำไม่ได้ดั่งที่หวัง ที่ว่า AIS จะสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อให้คนไทยได้ใช้งานแบบไม่ต้องพึ่งต่างชาติ เมื่อยังทำไม่ได้อย่างที่ฝันไว้ จึงยังคงต้องทุ่มเทเพิ่มเติมให้บรรลุผลให้สำเร็จให้ได้
เรื่องที่สอง ในช่วงเวลาที่โลกถูก Disrupt อย่างรุนแรงนี้ นับเป็นความท้าทาย และยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับทุกที่ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ ที่ประสบความสำเร็จมานานในอดีต ซึ่ง AIS เองก็เป็นเช่นนั้น
สมชัย ยกตัวอย่างประโยคที่สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) กล่าวไว้ว่า “If you want to make everyone HAPPY. Don’t be a Leader. Sell ICE CREAM” เพราะในการจะเปลี่ยนองค์กรตามที่ตั้งใจ Culture (วัฒนธรรมองค์กร) คือ หัวใจสำคัญอันดับ 1 แม้จะอยู่ในอันดับต้นๆ ของบริษัทที่น่าทำงานด้วย และได้รับรางวัลมากมาย แต่ความเป็นจริง คนภายในของบริษัทที่เคยเก่ง เคยดี แต่พอถูก Digital เข้ามา Disrupt อย่างรวดเร็วและมีความ Dynamics ขั้นรุนแรง ก็อาจต้องเร่งเพิ่มเติมศักยภาพไม่ให้กลายเป็นอ่อนแอ แม้บริษัทจะมีแผนงานด้านบุคลากรที่ชัดเจน
"ผมก็ยังมีความท้าทายในการพัฒนาให้ Gen เดิมที่มีอยู่เข้มแข็งขึ้นได้ทัน เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ Gen ใหม่ที่รับเข้ามา และทำงานอย่างมีความสุขด้วยกันได้...ถึงวันนี้ ผมยังตั้งคำถามตัวเองอยู่เสมอว่า ในฐานะ Leader จะทำอะไรเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งผมเชื่อว่ายังมี และยืนยันว่าจะผลักดันอย่างสุดกำลังในทุกวิถีทาง เพื่อให้ดียิ่งกว่าที่ทำมา”
สานต่อความภูมิใจ รอผู้สืบทอดรับช่วงต่อซีอีโอ AIS
สำหรับมุมความภูมิใจที่เกิดขึ้นในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมาของซีอีโอ AIS ข้อแรก สรุปได้ว่า สามารถนำองค์กรทำงานอย่างมืออาชีพ ผ่านวิกฤติจากการเปลี่ยนผ่านในระบบสัญญาร่วมการงาน มาสู่ระบบใบอนุญาตได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกปิดเครือข่าย ตอนประมูลคลื่น 900 มาไม่ได้ในตอนแรก เป็นต้น
ข้อสอง ในเรื่องที่เป็นความหวังในการสร้าง Digital Platform ของคนไทยไม่สำเร็จในตอนนี้ แต่ก็ได้วางรากฐานที่แข็งแรงให้กับบริษัทและคนไทย คือ การวางโครงข่าย 5G และบริการอื่นๆ เพื่อคนไทย
ข้อสาม คือ การที่ AIS ยังรักษาความเป็นผู้นำ แม้จะผ่านวิกฤติต่างๆ มามากมาย ทั้งเรื่องการที่มักถูกโยงเรื่องการเมือง วิกฤติโควิด รวมถึงเศรษฐกิจที่ท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรง
...
ประเด็นสุดท้ายที่ สมชัย ระบุไว้คือ บทบาทการเป็นซีอีโอของ AIS นับจากนี้ เป็นการส่งผ่านไปยังรุ่นหลังให้แข็งแรงที่สุด ทั้งการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยมี และการเดินต่อไปในอนาคตตามที่วางไว้ คือ การเป็น Cognitive Telco หรือ องค์กรอัจฉริยะ ที่จะรู้จักลูกค้ามากขึ้น ตอบสนองความต้องการได้เร็วขึ้น เป็นต้น
“ผมขอยืนยันว่า แม้ผ่านมาแล้วถึง 8 ปี ผมยังมีพลังอย่างเต็มที่ ที่จะก้าวเดินต่อไป จนกว่า successor (ผู้สืบทอดตำแหน่ง) ผมจะรับช่วงต่อได้ พวกเรา ทั้งผมและพนักงาน AIS กว่าหมื่นชีวิต พร้อมจะช่วยกัน พัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศให้อย่างดีที่สุดต่อไป” นี่คือข้อความทิ้งท้ายของ สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ที่ชวนกันจับตารอดูว่า ซีอีโอคนใหม่ของเอไอเอสจะเป็นใครในอนาคต